THG ดีดบวก 2% รับเข้า SET100 รอบใหม่-ลุ้น Q4 แจ่ม! ผู้ป่วยแน่น ดันปีนี้กำไรนิวไฮ
THG ดีดบวก 2% รับเข้าคำนวณดัชนี SET100 รอบใหม่-ลุ้น Q4/65 แจ่ม!รับผู้ป่วยภาคปกติ-ต่างชาติไหลใช้บริการแน่น มั่นใจรายได้รวมโต 30% ดันกำไรสุทธินิวไฮ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ล่าสุด ณ เวลา 12:25 น. อยู่ที่ระดับ 65.00 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 1.56% สูงสุดที่ระดับ 65.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 64.00บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 339.26 ล้านบาท
โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ประกาศหุ้นเข้าออก SET50-SET100 รอบใหม่ครึ่งแรกปี 2566 โดยหุ้นเข้า SET50 ประกอบด้วย: DELTA, RATCH, COM7, CENTEL และหุ้นออก SET50 BLA, IRPC, KCE, SAWAD
ส่วนหุ้นเข้า SET100 ประกอบด้วยAAV, BYD, DELTA, JAS, NEX, SABUY, THG และหุ้นออก SET100 ได้แก่ : AEONTS, MAJOR, STEC, SUPER, SYNEX, TASCO, TTA
โดยก่อนหน้านี้นพ.บุญ วนาสิน ที่ปรึกษาประธานกรรมการ THG เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 จะยังเห็นการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง จากผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 ที่มีออกมาดี ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 9,481.01 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,363.37 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2564 ทั้งปีที่มีกำไรสุทธิ 1,337.43 ล้านบาท
โดยการเติบโตในไตรมาส 4/2565 มีปัจจัยสนับสนุนมาจากโรงพยาบาลทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ มีจำนวนผู้ป่วยภาคปกติมีการขยายตัวที่ดี ทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) แม้ว่าในส่วนของผู้ป่วยเกี่ยวข้องกับโควิด-19 ลดลงไปเกือบเป็นปกติแล้ว บวกกับผู้ป่วยชาวต่างชาติที่กลับมาใช้บริการสูงขึ้นชัดเจนหลังจากการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
ขณะที่โรงพยาบาลในต่างประเทศ อย่าง Ar Yu International Hospital เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา มีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
ทั้งนี้ภาพรวมผู้ป่วยชาวต่างชาติของโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง ปัจจุบันสัดส่วนผู้ป่วยชาวต่างชาติขยับขึ้นมาแตะระดับ 50% แล้ว เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีสัดส่วนรายได้เกือบ 90% หลังจากผู้ป่วยชาวต่างชาติกลุ่มหลัก ทั้งชาวตะวันออกกลาง และอื่น ๆ กลับมาใช้บริการจำนวนมากหลังเปิดประเทศ รวมถึงชาวจีนฟื้นตัวดีมากในตอนนี้
“ฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติของเครือโรงพยาบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เทียบเท่าก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ของพอร์ตรวม แต่เชื่อว่าสิ้นปี 2565 และปี 2566 สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะปรับตัวเพิ่มขึ้น” นพ.บุญ กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาเครือ THG มีการต่อยอดธุรกิจหลัก (โรงพยาบาล) ได้ดีมาก ทั้งการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเฉพาะทาง หรือร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เช่น การร่วมพันธมิตรต่างอุตสาหกรรมลงทุนสถานฟื้นฟูสมรรถภาพ จ.เชียงใหม่ และการลงทุนธุรกิจด้านโลจิสติกส์เกี่ยวข้องกับด้านการแพทย์ รวมถึงการลงทุนธุรกิจเครื่องมือแพทย์ และยา และโครงการที่พักอาศัย โดยปัจจุบันเครือ THG ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนเพิ่มเติม 5-6 โครงการใหม่ และกำลังทยอยแจ้งกับทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทราบ และประกาศเปิดตัวในลำดับถัดไป
นพ.บุญ กล่าวต่อว่า ภาพรวมธุรกิจมีรายได้เข้ามาเสริมจากหลากหลายช่องทาง ซึ่งจะช่วยหนุนให้ภาพรวมทั้งปี 2565 มีรายได้เติบโต 30% และมีกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,337.43 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกกำไรสุทธิ 1,363.37 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าภาพรวมทั้งปี 2564
ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการใหม่ ล่าสุด THG ได้เซ็นสัญญาลงทุนศูนย์ผู้ป่วยมะเร็งครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย หลังซื้อที่ดินริมสะพานปิ่นเกล้า เพื่อรอพัฒนาโครงการในอนาคตอันใกล้ และจะมีการแถลงเปิดตัวโครงการในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงมีแผนเตรียมลงทุนธุรกิจเฮลท์แคร์ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ใน สปป.ลาว และเวียดนาม อีกด้วย
นอกจากนี้ต้นเดือน พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 55% ของบริษัท ตรังเวชกิจ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาล ทีอาร์พีเอช (ชื่อเดิม คือ ตรังรวมแพทย์) ขนาดบริการ 200 เตียง เพื่อให้บริการผู้ป่วย ใน จ.ตรัง และจังหวัดโดยรอบ คิดเป็นเงินลงทุน 658 ล้านบาท หลังเห็นศักยภาพในการสร้างรายได้ และกำไร ในโซนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสในการขยายธุรกิจโรงพยาบาลที่เปิดดำเนินการอยู่แล้ว ก็พร้อมลงทุน หากมีความน่าสนใจ หรือความเหมาะสมในการสร้างผลตอบแทน สอดคล้องกับนโยบายที่ THG จะขยายพอร์ตด้วยการเข้าไปควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) ควบคู่ไปกับการวางระบบเครือข่าย เพื่อสร้างการได้เปรียบในเชิงธุรกิจ และบริการที่ครอบคลุม