ดักเก็บ 4 หุ้นโรงแรม! ลุ้นครม.ไฟเขียว “เราเที่ยวด้วยกัน” 27 ธ.ค.นี้
ดักเก็บ 4 หุ้นโรงแรม! ERW-CENTEL-MINT-SHR รับประโยชน์ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” เหลือ 5 แสนสิทธิ์ จาก 2 ล้านสิทธิ์ เตรียมชง ครม. เคาะ 27 ธ.ค. นี้
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(22 ธ.ค.65) ว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาได้สั่งให้ ททท. เร่งหารือกับสำนักงบประมาณเพื่อปรับแผนของบฯ กลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจากรัฐบาลเพื่อจัดทำโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว จากเดิมที่เสนอขอ 8,700 ล้านบาท เพื่อให้เหลือวงเงิน 4,000 ล้านบาท เพื่อนำเข้า ครม.ให้ทันวันที่ 27 ธ.ค.นี้
โดยนายพิพัฒน์อยากให้ดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่ 4-5 แสนสิทธิ โดยแต่ละสิทธิจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสูงสุด 3,600 บาท สำหรับค่าห้องพักและวอยเชอร์ ส่วนตั๋วเครื่องบินไม่ให้แล้ว หากด าเนินการที่ 4 แสนสิทธิ ใช้วงเงิน 1,440 ล้านบาท และถ้า 5 แสนสิทธิ จะใช้วงเงิน 1,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือไม่ว่าจะเป็น 2,200-2,560 ล้านบาท เป็นงบสำหรับการทำตลาดของ ททท. ซึ่งจะเสนอกรอบไปให้สำนักงบพิจารณาปรับให้อยู่ในวงเงินที่กำหนด และเมื่ออนุมัติแล้วจะเริ่มโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยหารือกับธนาคารกรุงไทยผู้วางระบบก่อน”
ทั้งนี้มีมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่จะมีให้ 5 แสนสิทธิ์ ซึ่งน้อยกว่าข่าวรอบก่อนที่ 2 ล้านสิทธิ์ เมื่อเทียบกับเฟสที่ 1 ที่ 5 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 2 ที่ 1 ล้านสิทธิ์, เฟสที่ 3 ที่ 2 ล้านสิทธิ์ และเฟสที่ 4 อีก 1.5 ล้านสิทธิ์ โดยคาดว่าน่าจะเริ่มใช้สิทธิ์ได้ในช่วงครึ่งแรกปี 66 และถึงแม้ว่าจำนวนสิทธิ์น้อยกว่าคาด แต่งบประมาณส่วนที่เหลือมองว่า ททท.จะนำไปโปรโมทนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้นได้บ้าง ซึ่งก็จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจโรงแรมภายในประเทศ เพราะอยู่ในช่วง High season ของไทย
โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากมาก-น้อยเรียงตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทยจากมาก-น้อย คือ ERW (88%), CENTEL (80%), MINT (15%) และ SHR (5%) โดยคาดว่า ERW แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 5.20 บาท และ CENTEL แนะนำซื้อราคาเป้า 55.00 บาท จะได้ sentiment เชิงบวกจากทั้งโครงการเราเที่ยวด้วยกันและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ดีมากที่สุด ขณะที่เรายังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวเป็น “เท่ากับตลาด”