EGCO บวกต่อ รับบุ๊กพิเศษขายโรงไฟฟ้าอินโด 3 พันล้าน ดัน Q4 “เทิร์นอะราวด์”
EGCO ลุ้นไปต่อ! รับปิดดีลขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่” ในอินโดนีเซีย มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 4/65 บุ๊กกำไรทันที 2.5-3 พันล้านบาท พร้อมเตรียมนำเงินลุยขายธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มสูบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(28 ธ.ค.65) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ณ เวลา 10.00 น. อยู่ที่ระดับ 170.50 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.29% ราคาสูงสุด 170.50 บาท ราคาต่ำสุด 170.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.32 ล้านบาท
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า บริษัท โฟนิกซ์ พาวเวอร์ บีวี (PP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EGCO ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เพื่อขายหุ้นในบริษัท สตาร์ เอ็นเนอร์ยี่ จีโอเทอร์มอล จำกัด (SEG) สัดส่วน 20% ของหุ้นสามัญที่ออกชำระแล้ว และขายหุ้นในบริษัท สตาร์ โฟนิกซ์ จีโอเทอร์มอล เจวี บีวี (SPG) ในสัดส่วน 30.25% ของหุ้นสามัญที่ออกชำระแล้ว เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2565
ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดย EGCO รับรู้รายได้จากการขายหุ้นทั้งสิ้น 485 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่าประมาณ 16,780 ล้านบาท คิดเป็นกำไรประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท โดยจะรับรู้ทันทีในไตรมาส 4/2565 ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ดีขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 393 ล้านบาท
โดยการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพทั้ง 3 แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารจัดการสินทรัพย์และการลงทุนของ EGCO โดยบริษัทสามารถรับรู้กำไรจากการขายหุ้นและมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการใหม่ในอนาคต โดยเฉพาะโครงการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการลงทุนของ EGCO ได้เริ่มเข้าลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2557 โดยถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 20% และ 20.07% ของหุ้นสามัญที่ออกชำระแล้วของ “เอสอีจี วายัง วินดู” (SEGWW) และ “เอสอีจี ซาลัก-ดาราจัท บีวี” (SEGSD) ผ่าน SEG และ SPG โดย SEGWW เป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “วายัง วินดู” กำลังผลิตติดตั้งรวม 227 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัดชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย
ขณะที่ SEGSD เป็นเจ้าของและผู้บริหารโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ “ซาลัก” และ “ดาราจัท” ตั้งอยู่ที่จังหวัดชวาตะวันตก ประเทศอินโดนีเซีย โดยโรงไฟฟ้า “ซาลัก” มีกำลังผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 376.8 เมกะวัตต์ (ไอน้ำ 180 เมกะวัตต์ และไฟฟ้า 196.8 เมกะวัตต์) สำหรับโรงไฟฟ้า “ดาราจัท” มีกำลังผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 271 เมกะวัตต์ (ไอน้ำ 55 เมกะวัตต์ และไฟฟ้า 216 เมกะวัตต์) โดยโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่ง จำหน่ายไฟฟ้าภายใต้สัญญารับประกันการรับซื้อระยะยาวกับการไฟฟ้าอินโดนีเซีย (PLN)
อย่างไรก็ตามภายหลังการขายโรงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว บริษัทจะขยายการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งการเข้าร่วมทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) ล่าสุดมีโครงการที่อยู่เจรจาหลายโครงการ และมีโครงการใหญ่ ๆ ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปีหน้า โดยยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตใหม่เข้าพอร์ตเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,202 เมกะวัตต์
ก่อนหน้านี้ บริษัท เอ็กโก ไรเซ็ก ทู แอลแอลซี (EGCO RISEC II, LLC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EGCO ถือหุ้นทั้งหมดในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับโคเจนทริก ไรเซ็ก ซีพีโอซีพี โฮลดิ้งส์ แอลแอลซี (Cogentrix RISEC CPOCP Holdings, LLC) และโคเจนทริก ไรเซ็ก ซีพีพี ทู โฮลดิ้งส์ แอลแอลซี (Cogentrix RISEC CPP II Holdings, LLC) เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 เพื่อเข้าถือหุ้นสัดส่วน 49% ใน “ไรเซ็ก” คาดว่าการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 1/2566 หลังจากดำเนินการตามเงื่อนไขต่าง ๆ ในการปิดรายการซื้อขายแล้วเสร็จ”
สำหรับโรงไฟฟ้า “ไรเซ็ก” จำหน่ายไฟฟ้าในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้านิวอิงแลนด์ (ISO-NE) และเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในระบบของ ISO-NE โดย “ไรเซ็ก” ทำสัญญาขายกำลังผลิตพร้อมจ่ายทั้งหมดและให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้า Blackstart กับ ISO-NE ขณะเดียวกัน โรงไฟฟ้าแห่งนี้ยังทำสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดพร้อมทั้งให้บริการเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าอื่น ๆ กับบริษัท เชลล์ เอ็นเนอร์ยี่ นอร์ธ อเมริกา (Shell Energy North America) ซึ่งเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือด้านการลงทุนในระดับ A/A2 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบรับจ้างแปลงพลังงาน (Energy Tolling Agreement) ซึ่งส่งผลดีให้ “ไรเซ็ก” มีรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอ
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงมุมมองไตรมาส 4/2565 ของ EGCO จะกลับมามีกำไรสุทธิ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 260 บาทต่อหุ้น