BCP ดีด 4% รับข่าวเทกฯ ESSO ดันกำลังกลั่นพุ่ง 2.5 แสนบาร์เรล-ปั๊มน้ำมันเพิ่ม

BCP เด้ง 4% ตอบรับข่าวซื้อกิจการ ESSO ดันกำลังกลั่นพุ่ง 2.5 แสนบาร์เรล/วัน-ปั๊มน้ำมันเพิ่มเป็น 2,140 แห่ง โบรกมอง Synergy หนุน จับตาแหล่งเงินกว่า 4 หมื่นลบ. ทำเทนเดอร์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ธ.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ณ เวลา 10:24 น. อยู่ที่ระดับ 32.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.03% สูงสุดที่ระดับ 32.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 31.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103.30 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น BCP ที่ปรับตัวขึ้นมานั้นคาดมาจากตอบรับกระแสข่าวใกล้ปิดดีลซื้อกิจการ ESSO โดยแหล่งข่าววงการพลังงาน ระบุว่า ขณะนี้ BCP อยู่ระหว่างเตรียมการเข้าซื้อกิจการของ ESSO จากผู้ถือหุ้นเดิม หลังจากที่มีการเจรจาเพื่อซื้อขายหุ้นกันตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าราคาซื้อขายจะอยู่ระหว่าง 12-14 บาทต่อหุ้น ซึ่ง BCP จะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันที่ 9 ม.ค. 2566 นี้

สำหรับการเข้าซื้อกิจการ ESSO นั้นจะส่งผลให้ BCP มีกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นอีกกว่าเท่าตัวเป็น 250,000 บาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 120,000 บาร์เรลต่อวัน และมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 2,140 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,340 แห่ง

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ประเด็นเรื่อง BCP จะเข้าซื้อกิจการ ESSO ได้ยินมานานพอสมควร แต่จากที่ได้สอบถามทาง BCP ก็ปฏิเสธมาตลอด และเมื่อวานก็ได้สอบถามอีกครั้ง ก็ยังปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม มองว่าถ้าเป็นความจริงตามข่าวก็จะส่งผลบวกต่อ BCP ทั้งในแง่การดำเนินงาน และ Synergy เนื่องจาก ESSO เป็น Operation Asset ที่หากซื้อก็จะสามารถรับรู้กำไรได้ทันที และในแง่ Synergy จะเกิดมูลค่าได้มาก โดยเฉพาะส่วนงานของโรงกลั่น BCP เป็น Hydro Craker ที่ผลิตน้ำมันดีเซล ส่วนโรงกลั่น ESSO เป็นระบบ FCC ที่เน้นน้ำมันเบนซิน ทำให้โรงกลั่นทั้งสองบริษัทมาผสมผสานผลประโยชน์ร่วมกันได้

นอกจากนั้น โรงกลั่น BCP ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพต้องขนส่งน้ำมันจากเรือใหญ่มาเรือเล็ก และต้องเช่าคลังที่ศรีราชาเก็บน้ำมันดิบรอขนถ่าย แต่หากมาใช้คลังของ ESSO ก็จะสามารถประหยัดค่าเช่าได้ราวปีละ 500 ล้านบาท อีกทั้งพื้นที่โรงกลั่น BCP ในกรุงเทพเป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะถูกเรียกคืนเมื่อใด หากใช้โรงกลั่น ESSO ที่ศรีราชาก็จะช่วยลดความเสี่ยงข้อนี้

ส่วนในแง่มาร์เก็ตติ้ง BCP ขายปลีกน้ำมันเท่ากับกำลังกลั่น และยังไม่มีแหล่งน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มเติมเพื่อมาขยายการขาย ขณะที่ ESSO นำน้ำมันจากโรงกลั่นมาขายปลีกเพียงครึ่งเดียว ยังสามารถขยายการขายปลีกน้ำมันได้เพิ่ม ซึ่งจะช่วยให้การขายปลีกน้ำมันของ BCP ขยายตัวได้

ดังนั้น BCP เข้าซื้อ ESSO จึงเกิดประโยชน์ทางธุรกิจมาก เพียงแต่ราคาที่รับซื้อที่คาดการณ์ในช่วง 12-14 บาท/หุ้น หากเข้าซื้อ ESSO จาก EXXONMOBIL ASIA HOLDINGS PTE.LTD ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 65.99% จะทำให้ BCP ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือ (Tender Offer) คาดว่าจะใช้เงินราว 4-5 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นดีลใหญ่มาก ก็ต้องดูว่า BCP จะนำแหล่งเงินมาจากไหน แต่คาดว่าจะไม่ใช้การเพิ่มทุนตรงๆ แต่อาจมีวิธีการหาแหล่งเงิน

ด้านราคาหุ้น BCP จะขึ้นหรือลงขึ้นกับวิธี Finance หรือหาแหล่งเงินทุน ราคาอาจลดลงช่วงแรก เพราะกังวลการเพิ่มทุน แต่สุดท้ายก็จะปรับขึ้น ส่วนหุ้น ESSO อาจจะวิ่งขึ้นไป 14 บาท แต่ยังต้องรอติดตามความชัดเจนจากการประชุมบอร์ด BCP ในวันที่ 9 ม.ค.66 ว่าจะมี Surprise หรือไม่

Back to top button