ADVANC บวก 2% ลุ้นปี 66 กำไรทะลุ 3.8 หมื่นล้าน โบรกเคาะเป้า 252 บ.
ADVANC บวก 2% รับแผนธุรกิจลงทุนเริ่มชัดเจน พร้อมขยายเครือ 5G ต่อเนื่อง เร่งปิดดีล 3BB เสริมกำไรปี 66 ทะลุ 3.8 หมื่นล้านบาท โบรกแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 252 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ม.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ณ เวลา 11:38 น. อยู่ที่ระดับ 201.00 บาท บวก 4.00 บาท หรือลงไป 2.03% สูงสุดที่ระดับ 201.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 196.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท
สำหรับราคาหุ้น ADVANC มีการปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดย นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVANC ระบุว่า ปีนี้มีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเร่งขยายเครือข่าย 5G หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทใช้เงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC โดยราคาเป้าหมายปี 2566 อยู่ที่ 252 บาท (อัพไซด์ 28%) เนื่องจากมองว่าระยะยาวบริษัทจะได้ประโยชน์จากการแข่งขันราคาของกลุ่มนี้สมเหตุสมผลมากขึ้น และเห็นผลประโยชน์จาก New S-curve มากขึ้น ทั้งธุรกิจบรอดแบนด์, ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร รวมถึงมีโอกาสเกิดอัพไซด์สูง หากมีการตัดสินใจทำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานจากโครงข่ายเสา และสายสัญญาณที่เป็นเจ้าของอยู่ ขณะเดียวกัน ADVANC ยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสม่ำเสมอ เฉลี่ย 3-4% ต่อปี
โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อน และเติบโต 19% จากไตรมาส 3/2565 ตามแรงหนุนจากรายได้บริการจะฟื้นทุกธุรกิจ โดยเฉพาะมือถือ ตามความสำเร็จขยายลูกค้า 5G และแข่งขันราคาลดลง ผสานกับคาดว่ามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามอานิสงส์บาทแข็งค่า หากไตรมาส 4/2565 เป็นตามคาด ภาพกำไรทั้งปีอยู่ที่ 25,800 ล้านบาท
ขณะที่ปี 2566 เป็นช่วงการปรับโครงสร้างธุรกิจ S-curve ใหม่ เช่น ด้านบรอดแบนด์ ที่ล่าสุดดีลซื้อกิจการ 3BB และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) ได้ยื่นขอกสทช.แล้ว อยู่ระหว่างรอพิจารณา คาดเสร็จปลายไตรมาส 1/2566 หรือไตรมาส 2/2566 ด้านการขยายบริการลูกค้าองค์กร และต้นปีจะเริ่มมีความคืบหน้าการหาที่ดินสร้างศูนย์ข้อมูล (Data center) ร่วมกับกลุ่มสิงเทลและบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้ทำให้ช่วงครึ่งแรกปี 2566 อาจมีแรงกดดันด้านค่าใช้จ่าย แต่เชื่อว่าจะเป็นเพียงชั่วคราว และมองบวกต่อยอดการเติบโตรายได้บริการระยะยาว ผลักดันกำไรปกติทั้งปี 2566-2567 กลับมาโตเฉลี่ย 6% จากปี 2564-2565 ลดลง 2% ต่อปี
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” ADVANC ราคาเป้าหมาย 242 บาท คาดว่ารายได้จากการดำเนินงานทั้ง 3 ธุรกิจหลักงวดไตรมาส 4/2565 เติบโตแบบไตรมาสต่อไตรมาส ขณะที่บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เติบโตแบบตัวเลข 2 หลัก และคาดการควบรวม 3BB มีโอกาสสูงจะสำเร็จ และคาดจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2566
ทั้งนี้ ไตรมาส 4/2565 รายได้รวมอาจปรับเพิ่มขึ้นแบบไตรมาสต่อไตรมาส สู่ 47,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.2% จากไตรมาสก่อน และลดลง 5.2% จากปีก่อน และกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 7,540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.98% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 9.85% จากปีก่อน โดยแรงหนุนจากทั้ง 3 ธุรกิจหลัก นำโดยเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ มีแนวโน้มปรับเพิ่มจากฐานลูกค้า Pre-Paid ที่ปัจจุบันมีการต่อแพ็กเกจทุก 6 เดือน สามารถปรับปรุงด้วยลักษณะการไม่ต่ออายุแพ็กเกจ และมีโอกาสนำเสนอแพ็กเกจใหม่ที่ราคาสูงขึ้น หรือปรับปริมาณการโทรไม่จำกัดเครือข่ายเหลือเป็นโทรเฉพาะเครือข่าย ซึ่งเป็นแนวทางการปรับขึ้นค่าแพ็กเกจเพื่อพยุงรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้ (ARPU) ให้ไม่ลดลงเร็วนัก ทำให้คาด ARPU งวดไตรมาส 4/2565 จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนรายได้จากธุรกิจ Fixed Broadband ยังเติบโตมาอยู่ที่ 2,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 30.2% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 2566 จะเริ่มต้นปีได้ดีจากโครงการช้อปดีมีคืนที่จะช่วยดึงยอดขายเครื่องและอุปกรณ์สูงขึ้นแบบปีต่อปี ขณะที่กำลังซื้อที่ฟื้นตัวมองเป็นประโยชน์ต่อการปรับขึ้นราคาแพ็กเกจ ส่วนดีล 3BB มีโอกาสเข้ามาเสริมให้กำไรปี 2566 กระโดดสู่ 38,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.2% จากปีก่อน
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำซื้อหุ้น ADVANC ตามราคาเป้าหมาย 235 บาท และยังเลือกเป็น Top Pick กลุ่ม โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/2565 จะเติบโตจากการควบคุมต้นทุนและรายจ่าย, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงภาวะการแข่งขันที่มีแนวโน้มลดลงช่วงปี 2566 จึงคาดว่ากำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง ราคาหุ้นมีอัพไซด์กว่า 20.8% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ขณะเดียวกันมีอัพไซด์เพิ่มเติมจากดีลเทกโอเวอร์ 3BB ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2566 และการร่วมทุนกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ทำธุรกิจธนาคารเสมือนจริง (Virtual Bank) ภายในปีนี้ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อนุมัติหลักเกณฑ์ฯ
อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลบวกต่ออุปกรณ์โครงข่ายนำเข้า ทำให้คาดว่าไตรมาส 4/2565 จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 100 ล้านบาท เทียบไตรมาส 3/2565 ที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิหลังภาษี 185 ล้านบาท ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 จะอยู่ที่ 6,900 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน และฟื้นตัว 13.8% จากไตรมาสก่อน