สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้
สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 25 พ.ย.58
– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 122.60 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 122.33 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0605 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.0670 ดอลลาร์/ยูโร
– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,381.46 จุด ลดลง 3.46 จุด หรือ 0.25% มูลค่าการซื้อขาย 31,988.35 ล้านบาท
– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,686.38 ลบ.(SET+MAI)
– พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลได้กำหนดให้เรื่อง SMEs เป็นวาระแห่งชาติ สอดคล้องสถานการณ์โลกและปัจจัยภายในประเทศ โดยตลอดที่มีการประชุมระดับโลกมีการพูดเรื่องนี้ในทุกเวที จึงต้องให้ความสำคัญเพราะถือเป็นฐานรากของเศรษฐกิจและประชาคมโลก
นอกจากนี้ ได้ปาฐกถาพิเศษแก่สมาชิกของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย หรือ Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand (JFCCT) ระบุว่า รัฐบาลจะใช้เวลาทำงานตามโรดแมพที่วางไว้ ส่วนการแก้ไขปัญหาทั้งหมดไม่สามารถทำได้พร้อมกัน แต่ต้องเริ่มจากการวางรากฐานโดยเฉพาะการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุน
– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของคนกรุงเทพฯ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 พบว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่มีแผนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยประเมินว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในพื้นที่ต่างๆ ของไทยมูลค่าประมาณ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
– สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานภาพรวมของประเทศปี 59 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7-3.5 เนื่องจากปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 59 จะขยายตัวร้อยละ 3.0 – 4.0 เนื่องจากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำทำให้เกิดการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น
– ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองการฟื้นตัวของมูลค่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้น่าจะอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2558 นี้ มีความเสี่ยงที่จะติดลบมากกว่าร้อยละ 5.0 ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการไว้สำหรับกรณีพื้นฐาน
– ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดมูลค่าการส่งออกปีนี้จะหดตัวกว่า 5% ส่วนในปีหน้ามีแนวโน้มไม่ขยายตัว หลังมูลค่าการส่งออกไทยในปีนี้ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว โดยในช่วง 10 เดือนแรก(ม.ค.-ต.ค.58)มูลค่าการส่งออกหดตัวลง 5.3%
– นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีหน้า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในปีหน้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวรวดเร็วมากพอที่จะกระตุ้นให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้โดยเฉลี่ยไตรมาสละครั้ง
– ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ว่า ECB จะระงับการซื้อสินทรัพย์ชั่วคราวในระหว่างวันที่ 22 ธ.ค.2558 – 1 ม.ค. 2559 ภายหลังจากที่พิจารณาแล้วเห็นว่า สภาพคล่องในตลาดช่วงดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่ต่ำลง ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวยังมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้เกิดความผันผวนในตลาด และจะมีการซื้อสินทรัพย์อีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค.2559
– นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า จีนต้องสร้างระบบความมั่นคงทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรับมือเหตุการโจมตีหรือการคว่ำบาตรในต่างประเทศที่อาจจะเกิดขึ้น
– ซายูริ ชิราอิ สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ชี้ว่ามีความเสี่ยงต่ำที่เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเผชิญกับภาวะเงินฝืดอีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในขณะนี้