น้ำมันดิบปิดบวกหลังสต็อกเพิ่มน้อยกว่าคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.4% ปิด (25 พ.ย.) ที่ 43.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 46.17 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดบวก หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 961,000 บาร์เรล สู่ระดับ 488.2 ล้านบาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 58.6 ล้านบาร์เรล ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 216.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 141.4 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.7% สู่ระดับ 92.0% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่เพิ่มขึ้น 0.6%
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ กลุ่มโอเปก ซึ่งผลิตน้ำมันดิบได้ในสัดส่วน 40% ของผลผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกนั้น ได้คงโควต้าการผลิตเอาไว้ที่ระดับดังกล่าวมาเป็นเวลานาน แม้ว่าประเทศสมาชิกรายอื่นๆ รวมถึงอัลจีเรียและเวเนซูเอลา ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการปรับลดการผลิตเพื่อหนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้นก็ตาม