ดอลล์ปรับขึ้นเทียบยูโรหลังสหรัฐฯรายงานข้อมูลศก.แข็งแกร่ง

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อคืนนี้ (25 พ.ย.) ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ได้ช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในเดือนหน้า


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0617 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0650 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นที่ 1.5128 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5087 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 122.72 เยน จาก 122.46 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0218 ฟรังก์ จาก 1.0152 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7253 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7246 ดอลลาร์

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใสเมื่อคืนนี้ได้ช่วยให้ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่ง และเน้นย้ำถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 260,000 ราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 270,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าระดับ 300,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ 38 ติดต่อกัน และยังคงอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 42 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

งด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% โดยบ่งชี้ถึงอุปสงค์สำหรับสินค้าในภาคการผลิต นอกจากนี้ กระทรวงยังเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ายอดขายบ้านมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในปีนี้ นับตั้งแต่ปี 2550 โดยยอดขายบ้านใหม่ในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 495,000 ยูนิต

ส่วนสกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดกันว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะพิจารณามาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการประชุมเดือนหน้า หลังจากที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ECB จะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็น เพื่อที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อ หากพิจารณาแล้วเห็นว่า นโยบายของ ECB ยังไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายได้

Back to top button