PTG บวก 5% นิวไฮรอบ 3 เดือน รับแตกไลน์ธุรกิจยา-เวชภัณฑ์ฯ โบรกเชียร์ซื้อเป้า 17 บ.
PTG บวก 5% นิวไฮในรอบ 3 เดือน รับแผนผนึก “อรินแคร์-รพ.จุฬารัตน์” ลุยธุรกิจ “ยา- เวชภัณฑ์-อุปกรณ์การแพทย์” โบรกเชียร์ซื้อเป้า 17 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ม.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ล่าสุด ณ เวลา 10:33 น. อยู่ที่ระดับ 15.30 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 5.52% สูงสุดที่ระดับ 15.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 14.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 458.79ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบ 3 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นยืนที่ระดับ 15.70 บาท เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 65
โดยก่อนหน้านี้ นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยว่า การที่บริษัทได้ร่วมลงทุนกับบริษัท อรินแคร์ จำกัด (ARINCARE) สตาร์ตอัพผู้ให้บริการแพลตฟอร์มร้านขายยาออนไลน์สำหรับเภสัชกรและร้านขายยา ที่มีกลุ่มบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เป็นผู้ร่วมลงทุนหลัก และได้เงินทุนสนับสนุนจาก PTG นับเป็นโอกาสดีในการร่วมต่อยอดและเติมเต็ม Health Tech Ecosystem ของไทย
รวมถึงเป็นการเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพสูง โดยผ่าน MAX Ventures ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTG ก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเป็น Corporate Venture Capital และเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทสตาร์ตอัพ (Startup) ที่มีศักยภาพสูงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผูกพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงสร้างโอกาสเป็น New S-Curve ต่อยอดธุรกิจและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ในการลงทุนของ MAX VENTURES ในบริษัท ARINCARE ครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งธุรกิจ ด้วยเครือข่ายสมาชิก MAX การ์ดกว่า 18 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งสามารถใช้แต้มเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าจากเครือข่ายร้านขายยาที่ใช้ระบบ ARINCARE ทั่วไทย อีกทั้งเสริมแกร่งด้วยการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านโลจิสติกส์ การขนส่งยาและการขยายคลังยาให้มีประสิทธิภาพ ตลอดจนความร่วมมือกับสถานีบริการเสริมที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการเสริมแกร่งความร่วมมือในการส่งมอบสินค้า บริการ รูปแบบใหม่ และเป็นพันธมิตรในการกระจายสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และเสริมความแข็งแกร่งในการขยายสาขาร้านขายยา NEXX Pharma ที่มุ่งมั่นให้บริการเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชีวิตที่ “อยู่ดีมีสุข” ของคนไทย
ด้านนายธีระ กนกกาญจนรัตน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรินแคร์ จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมระดมทุนปิดดีล Series B ผนึกกำลังครั้งสำคัญจาก 2 พาร์ตเนอร์ใหญ่ ด้วยเงินทุนมูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ เป็นผู้ร่วมลงทุนหลัก รวมทั้งได้เงินทุนสนับสนุนจาก PTG ครั้งนี้ นับเป็นแรงอัดฉีดเสริมแกร่ง เพิ่มแรงขับเคลื่อนสู่การเดินหน้ายกระดับและต่อยอดระบบนิเวศ Health Tech ไทยตามโรดแมปที่ตั้งไว้
นอกจากนี้วางกลยุทธ์ปี 66 เดินหน้าขยายตลาดไปพร้อมกับความร่วมมือครั้งสำคัญกับกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ บนทิศทางการมุ่งสร้าง Healthcare ecosystem ที่สมบูรณ์ระหว่างโรงพยาบาลและหน่วยบริการสุขภาพท้องถิ่น เชื่อมโยงไปถึงเภสัชกรในร้านยาชุมชนบนเครือข่าย ARINCARE มากกว่า 3,000 ราย เข้ากับทีมการแพทย์ของ CHG เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแลสุขภาพคนในชุมชนได้อย่างครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งยังร่วมจับมือกับ MaxCard ของ PTG ซึ่งเป็นเครือข่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคคนไทยได้มากที่สุด เสริมแกร่งให้กับเภสัชกรและร้านยาชุมชนที่เป็น SME ท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เพิ่มการดูแลและบริการด้านสุขภาพให้กับคนไทยผ่าน MaxCard พร้อมเดินเกมรุก เป้าหมายเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในปี 2569
ขณะที่ นพ.กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ กล่าวว่า ด้วยแนวคิดและทิศทางธุรกิจของ ARINCARE ที่สอดรับกับวิสัยทัศน์ของทาง CHG ทำให้เล็งเห็นถึงโอกาสของการต่อยอดธุรกิจ ร่วมสนับสนุนธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพให้เข้าถึงในระดับชุมชน ต่อยอดการเติบโตระบบนิเวศของ Health Tech ยกระดับปรับโครงสร้างระบบสาธารณสุข ให้มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมากขึ้น เพื่อโอกาสการเข้าถึงในการดูแลผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) เข้าด้วยกัน พร้อมยกระดับบริการแบบไร้รอยต่อ สู่คุณภาพชีวิตที่ดี
โดยการนำเทคโนโลยีที่อยู่บนแพลตฟอร์ม ARINCARE โดยเฉพาะระบบ e-prescription ซึ่งเป็นการแชร์ข้อมูลของผู้ป่วยให้กับบุคลากรทางการแพทย์เพื่อการดูแลรักษาที่ต่อเนื่อง การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยประมวลผลการวินิจฉัยให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยให้การดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลให้สามารถเข้าถึงการรักษาและรับยาได้สะดวกขึ้น ลดปัญหาการใช้ใบสั่งยาที่คลาดเคลื่อน ใบสั่งยาปลอม การแอบนำไปใช้ซ้ำ รวมถึงสามารถติดตามตรวจสอบผลการดูแลรักษาผู้ป่วย ดูประวัติใบสั่งยา ข้อมูลยาที่ผู้ป่วยได้รับใช้งานง่ายและไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
ด้านบริษัท หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ สำหรับ outlook ปี 66 คาดค่าการตลาดน่าจะกลับสู่ระดับปกติ และคาดต่ำกว่าปีนี้เล็กน้อย ทาให้การโตในปี 66 จะอยู่กับ volume ที่เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ และส่วนแบ่งกำไรฯ จาก palm complex ที่ดีกว่าปี 65 (ที่คาดขาดทุน) อย่างไรก็ตามคาดการเติบโตของกำไรสุทธิปี 66 ไม่สูงนัก โดยคาดที่ราว 1.39 พันล้านบาท โต 12% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยคงราคาเป้าหมายที่ 17.0 บาทต่อหุ้นแนะนำ Trading Buy ถึงแม้ราคาหุ้น PTG ที่เคลื่อนไหวในช่วงไตรมาส 4/66 (1 ต.ค.-30 ธ.ค.65) ลดลง 9% น่าจะสะท้อนแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่อาจไม่ดีอย่างที่คาดเดิมแล้ว แต่จากสถานการณ์ในครึ่งแรกปี 66 ที่อาจยังต้อง focus เรื่องค่าการตลาด ที่อาจกลับมาใกล้เคียงภาวะปกติ และต้นทุนค่าแรงที่เป็นต้นทุนสำคัญที่เพิ่มขึ้นมาก ทาให้แนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 66 อาจต่ำกว่าครึ่งแรกปี 65 โดยให้น้ำหนัก PTG จะน่าสนใจในช่วงครึ่งหลังปี 66 มากกว่า