UV ควง STI วิ่งคึก! เก็งแผน “ซินเนอร์ยี่” หนุนผลงานโตแกร่ง
UV ควง STI วิ่งคึก! คาดนักลงทุนเข้าซื้อเก็งแผน “ซินเนอร์ยี่” เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ สร้างการเติบโตไปด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ม.ค.66) ล่าสุด ณ เวลา 11:43 น. ราคาหุ้นบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV อยู่ที่ระดับ 3.22 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.55% สูงสุดที่ระดับ 3.24 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.14 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.99 ล้านบาท
ขณะเดียวกันราคาหุ้นบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI อยู่ที่ระดับ 5.75 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 2.68% สูงสุดที่ระดับ 5.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.65 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 12.66 ล้านบาท
ทั้งนี้นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STI เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.66 บริษัท ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล จำกัด หรือ UVCAP บริษัทย่อยของกลุ่ม UV ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ STI เข้าซื้อหุ้น STI เพิ่มอีก 72.36 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12% ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ STI ในราคาหุ้นละ 5.60 บาท มูลค่าการลงทุนรวม 405.22 ล้านบาท ส่งผลให้ UVCAP มีสัดส่วนการถือหุ้น STI รวมทั้งสิ้น 229.86 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 38.12% ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมด จากเดิม 157.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.12% และได้ทำรายการเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 66
สำหรับการเข้าลงทุนของ UVCAP ถือเป็น Strategic Partner ที่ร่วมสร้างการเติบโตไปด้วยกันอย่างแท้จริง เนื่องจากยังคงให้ความไว้วางใจต่อทีมผู้บริหารชุดเดิมในการบริหารจัดการองค์กร และให้ความเป็นอิสระในการให้บริการแก่ลูกค้าทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยเชื่อมั่นในทีมผู้บริหาร ที่มีความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส มีทีมงานที่มีศักยภาพ และความพร้อมในการบริหารงานโครงการก่อสร้างที่หลากหลายประเภท
ขณะที่ STI ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์ในการขยายงานที่ปรึกษาบริหารโครงการฯ ให้สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมาพร้อมการเปิดประเทศ ด้วยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในปี 2566 ภาคเอกชนเริ่มมีการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนนโยบายภาครัฐในการเร่งดำเนินงานโครงสร้างพื้นฐานยังถือเป็นปัจจัยบวกให้กับการดำเนินงานของ STI
นอกจากนี้ STI ได้มองหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันเพื่อเข้ามาเสริมการทำงานให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยให้กระบวนการทำงานมีความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยจุดมุ่งหมายในการสร้าง STI เป็นสถาบันทางด้านวิศวกรที่มีมาตรฐานวิชาชีพระดับสากล เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า พร้อมกับเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกมิติ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้น อย่างมั่นคง และยั่งยืน
ขณะเดียวกันนายไพรัช เล้าประเสริฐ ในฐานะผู้ถือหุ้นของ STI และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ จำกัด หรือ STH ซึ่งเป็นบริษัทย่อย STI กล่าวเสริมว่า การตัดสินใจขายหุ้น STI ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานขององค์กรแต่อย่างใด บริษัทยังคงมีความเป็นอิสระในการบริหารจัดการ วางแผน และกำหนดกลยุทธ์ และทิศทางการดำเนินงานได้อย่างเป็นอิสระ
ด้านนายสิทธิชัย เสรีพัฒนะพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน STI กล่าวว่า ด้วยการบริหาร และผลการดำเนินงานที่ดีนับตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้กลุ่ม UV ให้ความเชื่อมั่นต่อ STI และมีความต้องการลงทุนเพิ่มเติม ผนวกกับมีความต้องการนำผลการดำเนินงานที่ดี ไปรวมกับงบการเงินรวมของกลุ่ม UV ซึ่งน่าจะมีการคอนโซลงบตั้งแต่ไตรมาส 1 นี้เป็นต้นไป สำหรับเดือน ธ.ค. 65 บริษัทมีแบ็กล็อกประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ภายในปี 66 อย่างน้อย 30% ทั้งนี้ภายหลังประกาศงบไตรมาส 4/65 คาดจะมีการปรับเป้าหมายการเติบโตของปี 66 ใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโต 10% เนื่องจากบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาต่อเนื่อง และภาพรวมอุตสาหกรรม ทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ มีการขยายงานโครงการต่างๆ มากขึ้น