ACG พุ่ง 13% เก็งปี 66 รายได้โต รับ “ช้อปดีมีคืน” รุกหนักขยายสาขา “ฟาสต์ฟิต”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ม.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG ล่าสุด ณ เวลา 16:00 น. อยู่ที่ระดับ 1.8 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 12.50% สูงสุดที่ระดับ 1.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.60 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.06 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACG เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้รวมเติบโตมากกว่าปี 2565 เป็นไปตามบริษัทย่อยในเครือที่เติบโต คือ 1.บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย (Dealer) และศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซึ่งยอดขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ประเมินจะขยายตัวได้ 14% ในปี 2566

2.บริษัท ออโตคลิกบายเอซีจี จำกัด (ออโตคลิก) ประกอบธุรกิจจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ และให้บริการซ่อมแซมบำรุงรักษารถยนต์ทุกยี่ห้อประเภทเร่งด่วน (Fast Fit) หลังจากขยายสาขาบริการครบ 11 สาขา ณ สิ้นปี 2565 สามารถสร้างรายได้แตะระดับ 9 หลัก และเป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการทำกำไร (มาร์จิ้น) ที่ดี ซึ่งในปี 2566 มั่นใจว่ารายได้จะสูงขึ้นต่อเนื่อง สอดคล้องกับแผนในการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเท่าตัว หรือจำนวน 11 สาขา โดยจะทำให้ภายในสิ้นปี 2566 มีสาขาให้บริการรวมถึง 22 สาขา (รับรู้รายได้-กำไรเต็มปี 11 สาขา)

ขณะที่เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2566 บริษัทได้ดำเนินการเปิดให้บริการ Fast Fit สาขาใหม่ลำดับที่ 12 คือ ออโตคลิก สาขาโชตนา หน้าสนามกอล์ฟลานนา ถือเป็นการเปิดสาขาแรกของปี 2566 และเป็นสาขาที่ 2 ของจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้ ณ ปัจจุบันมีการเปิดให้บริการ Fast Fit รวมแล้ว 12 สาขา ซึ่งที่ผ่านมาการเปิดให้บริการ Fast Fit ได้การตอบรับที่ดีจากผู้ใช้ยานยนต์ยี่ห้อต่าง ๆ และมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ณ เดือน ม.ค. 2565 ACG ถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับผลบวกจากโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ของรัฐบาลและ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” โดยการให้บริการ Fast-Fit ทุกสาขารองรับการใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) รวมถึงใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) ซึ่งเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่นำระบบ e-Tax invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากรมาใช้งาน เพื่อยกระดับการบริการและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าดังนั้นขอเชิญชวนลูกค้ามาใช้บริการที่ออโตคลิกได้ทุกสาขา เพื่อขอ e-Tax invoice ในการใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2566 ตามโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ซึ่งใช้สิทธิได้ตามการจ่ายจริงเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 40,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 15 ก.พ. 2566

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2565 จะเห็นการฟื้นตัวที่ดีชัดเจน หลังจากเปิดประเทศได้มากขึ้น และการกลับมาสู่ภาวะปกติของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี 2565 มีรายได้เติบโตมากกว่าปี 2564 ที่มีรายได้จากการขาย  1,727.94 ล้านบาท เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่ง 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวมแล้ว 1,366.65 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจ Dealer ฟื้นตัวกลับมาได้ดีกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และการให้บริการ Fast-Fit ที่เริ่มสร้างผลตอบแทนที่ดีตามรายได้ที่ขยายตัว และเป็นธุรกิจมีมาร์จิ้นสูง อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่ออนุมัติ งบการเงิน และประกาศงบฯ ในวันที่ 22 ก.พ. 2566 นี้