PTTEP เด้ง 1% ลุ้นกำไรปีนี้ทะลุ 7.3 หมื่นล้าน โบรกอัพเป้า 200 บ.
PTTEP เด้งกลับ 1% นักลงทุนเข้าเก็งกำไรบริษัทประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 5 บาท ขณะที่ปีนี้โบรกฯ คาดกำไรสุทธิทะลุ 7.3 หมื่นล้าน พร้อมอัพเป้าใหม่ 200 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.พ. 66) ราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ณ เวลา 10:11 น. อยู่ที่ระดับ 173.50 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 1.17% สูงสุดที่ระดับ 173.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 172.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 305.61 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้น PTTEP เด้งขึ้นนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรภายหลังจากบริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิปี 65 อยู่ที่ 70,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบปี 64 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 38,864 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมที่ 339,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เทียบกับปี 64 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 234,631 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 5 บาทต่อหุ้น สำหรับผลประกอบการครึ่งหลังปี 2565 สะท้อนอัตราจ่ายเงินปันผล (payout ratio) ที่ 50% โดยขึ้น XD วันที่ 14 ก.พ.นี้
พร้อมกันนี้ นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTEP ระบุว่า ปี 2566 บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุน 5,481 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 191,818 ล้านบาท) เพื่อรองรับแผนการดำเนินงานต่าง ๆ ได้แก่ การเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมจที่สำคัญ อาทิ โครงการ G1/61, โครงการ G2/61, โครงการอาทิตย์, โครงการคอนแทร็ค 4, โครงการเอส 1 และโครงการผลิตในประเทศมาเลเซีย รวมถึงเร่งผลักดันโครงการหลักที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อาทิ แหล่งลัง เลอบาห์ ในโครงการมาเลเซีย เอสเค 410 บี และโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 รวมถึงการเร่งการสำรวจโครงการต่าง ๆ ในไทย มาเลเซีย และโอมาน
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ปริมาณการขายเฉลี่ยสำหรับไตรมาส 1/66 ไว้ที่ 4.72 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และทั้งปี 66 ที่ประมาณ 4.7 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ G1/61 ตามแผนงาน ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติปีนี้เฉลี่ย 6.1 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ส่วนต้นทุนต่อหน่วยปีนี้จะอยู่ที่ 27-28 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ EBITDA Margin คาดว่าจะอยู่ที่ 70-75%
ทั้งนี้ จากตัวเลขและข้อมูลดังกล่าว ล่าสุดโบรกเกอร์ต่าง ๆ ออกบทวิเคราะห์พร้อมทั้งเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 66 รวมทั้งเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น PTTEP เริ่มจากบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 200 บาท (จากเดิม 190 บาท)
พร้อมกันนี้ มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ขึ้น 6% เป็น 7.33 หมื่นล้านบาท หลัก ๆ เพื่อสะท้อนต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำลง และปริมาณขายที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันคาดการณ์กำไรปี 2567 อยู่ที่ 7.58 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน ซึ่งได้แรงหนุนจากปริมาณขายที่สูงขึ้นต่อเนื่อง จากปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นของโครงการ G1/61 (เอราวัณ)
ทั้งนี้ มองว่าราคาหุ้น underperform ตลาดช่วง 6 เดือน สอดคล้องกับความผันผวนสูงของราคาน้ำมันดิบ ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ 2566 P/BV 1.26 เท่า หลังจากที่ปรับลดคำแนะนำลงมา ราคาหุ้นได้ปรับตัวลง 10% สวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวขึ้น 8% อีกทั้งอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (dividend yield) ที่ 2.9%