FSS ซิลลิ่ง! นำทีม “โบรก” บวก ลุ้นกำไร Q4 โตเด่น-เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.พ. 66) ราคาหุ้น บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ณ เวลา 10:59 น. ปรับตัวพุ่งขึ้นชนซิลลิ่งมาอยู่ที่ระดับ 4.28 บาท บวก 0.98 บาท หรือ 29.70% สูงสุดที่ระดับ 4.28 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.34 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 175.22 ล้านบาท

บริษัท เอฟเอ็นเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ FNS ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.22 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 19.89% สูงสุดที่ระดับ 4.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.56 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101.89 ล้านบาท

บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.08  บาท บวก 0.17 บาท หรือ 18.68% สูงสุดที่ระดับ 1.13 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.91 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 59.39 ล้านบาท

บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ TNITY ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 8.30 บาท บวก 8.80 บาท หรือ 12.16% สูงสุดที่ระดับ 8.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 81.35 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ  5.95  บาท บวก 0.55 บาท หรือ 110.19% สูงสุดที่ระดับ 6.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.45 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.99 ล้านบาท

โดยแหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ ระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มโบรกเกอร์ปรับตัวขึ้นนั้น คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/65 จะออกมาดี หากไม่นับรวมผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีขายหุ้นที่อาจทำให้สภาพคล่องในตลาดลดลงไป เพราะช่วงที่ยังไม่มีการจัดเก็บภาษีขายหุ้น นักลงทุนกลุ่มเดย์เทรดก็ได้เข้ามาเล่นรอบกันค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อรายได้ค่าธรรมเนียมช่วงต้นปีนี้ ขณะที่มองว่าอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ในปีนี้ของแต่ละโบรกฯน่าจะดีขึ้น

พร้อมกับตอบรับโอกาสที่จะเลื่อนเก็บภาษีขายหุ้นในช่วงกลางปีนี้ หลังจากพ้นเดือน ม.ค.มาแล้วยังไม่มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และยังไม่แน่นอนว่าจะใช้ในปีนี้หรือไม่ เพราะตอนนี้ประเทศไทยใกล้จะเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่แล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ข่าวล่าสุดจะออกมาว่าร่างกม.ได้ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจแล้วรอลงประกาศในราชกิจจาฯ แต่ยังมีขั้นตอนที่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯก่อน ขณะที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลยังไม่ได้กำหนดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อใด และหากขั้นตอนนี้ยังไม่แล้วเสร็จในเดือน ม.ค.ก็อาจจะประกาศใช้ไม่ทันกลางปีนี้ตามที่กำหนดเวลาไว้ เพราะหลังประกาศต้องรอเวลา 90 วันถึงจะมีผลบังคับใช้

อนึ่ง ตามแผนเดินของกระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีขายหุ้นในอัตรา 0.11% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย (รวมภาษีท้องถิ่นไปแล้ว) แต่ช่วงแรกจะจัดเก็บอัตราครึ่งหนึ่ง คือจัดเก็บในอัตรา 0.055% (รวมภาษีท้องถิ่นไปแล้ว)

ขณะที่ก่อนหน้า คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเรื่องของการจัดเก็บภาษีการขายหุ้น จำเป็นต้องดูสถานการณ์เศรษฐกิจที่เหมาะสม โดยจะต้องมีการเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งในช่วงนี้ทุกประเทศยังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และยังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจที่มาจากสงครามรัสเซียและยูเครน และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นตาม กระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว

ส่วนกรณีที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ส่งหนังสือแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อแนวทางการจัดเก็บภาษีขายหุ้น ผ่าน 5 ประเด็นนั้น ทางกระทรวงการคลังก็ได้มีการรับฟัง ส่วนจะเห็นชอบในการจัดเก็บภาษีช่วงใดนั้น จะพิจารณาตามสถานการณ์ที่เหมาะสมต่อไป