วิตกเศรษฐกิจจีนชะลอตัวฉุดน้ำมันดิบปิดร่วง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนร่วงลงอย่างหนักในเดือนต.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะทำให้อุปสงค์พลังงานซบเซาลงด้วย นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงเกินไป
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 41.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ลดลง 60 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 44.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนในเดือนต.ค. ดิ่งลง 4.6% เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่ลดลงเพียง 0.1% ในเดือนก.ย. ส่วนในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทอุตสาหกรรมของจีนมีผลกำไรร่วงลง 2% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 4.87 ล้านล้านหยวน หลังจากที่ปรับตัวลง 1.7% ในช่วง 9 เดือนแรก
เจ้าหน้าที่ NBS กล่าวว่า ยอดขายที่ลดลงและต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งผลกำไรที่ตกต่ำลงในภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่และวัตถุดิบ เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่หดตัวลงในเดือนที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานที่สูงเกินไป หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 พ.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 961,000 บาร์เรล สู่ระดับ 488.2 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 58.6 ล้านบาร์เรล
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กลุ่มโอเปกจะคงโควต้าการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรล/วันในการประชุมครั้งนี้