DCC ร่วง 7% แพนิกลดปันผลไม่ต่ำกว่า 40% โบรกแนะ “ถือ” หั่นเป้าเหลือ 2.80 บ.
DCC ร่วง 7% แพนิกบริษัทเปลี่ยนแปลงนโยบายจ่ายปันผลเป็นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไร จากเดิมไม่ต่ำกว่า 70% พ่วงบล.กรุงศรี ระบุ แนวโน้ม 66 ไม่เด่น ปรับลดเกรดคำแนะนำลงเป็น “ถือ” จากเดิมซื้อ ได้เป้าหมายลดลงเป็น 2.80 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.พ. 66) ราคาหุ้น บริษัท ไดนาสตี้เซรามิค จำกัด (มหาชน) หรือ DCC ล่าสุด ณ เวลา 10:43 น. อยู่ที่ระดับ 2.52 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 7.35% สูงสุดที่ระดับ 2.66 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.48 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107.27 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นบนกระดานของ DCC แพนิกหลังบล.กรุงศรี ระบุว่า แนวโน้มปี 66 ไม่เด่น พร้อมลดอัตราปันผลลงและลดเกรดเป็นถือ หลังจากแนวโน้มปี 66 ผู้บริหารระบุความต้องการกระเบื้องปูพื้นในต่างจังหวังซึ่งเป็นตลาดหลักของ DCC ยังอ่อนแอ โดยไตรมาส 1/66 จะลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่คาดหวังจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
ขณะที่ประเด็นในด้านบวกคือ ต้นทุนก๊าซได้ปรับลดลง ซึ่ง DCC ก็ได้มีการปรับลดราคาขายลดลงตามเพื่อกระตุ้นยอดขายหลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในปี 65 ซึ่งคาดปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาขายจะลดลง 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เช่นกัน ทำให้ยอดขายทรงตัว จึงทำให้ปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลง 7% เหลือ 1,616 ล้านบาท ลดลง 0.9% จากความต้องการที่อ่อนแอ
ประกอบกับ DCC ได้ประกาศจ่ายปันผลกำไรไตรมาส 4/65 เท่ากับ 0.011 บาทต่อหุ้น รวมปี 2565 เท่ากับ 0.126 ต่อหุ้นบาทคิดเป็น 70.5% ของกำไร ในช่วงปี 2566-68 โดย DCC จะมีการใช้เงินลงทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อปรับปรุงสาขา 40 สาขา ทำให้ DCC ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายจ่ายปันผลจากเดิมไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไร เป็นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไร คาดจะจ่าย 50% ของกำไร ซึ่งจะทำให้เงินปันผลในปี 2566 ลดลงเหลือ 0.09 บาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน 3.3% จาก 4.5% ในปี 65
ผลดังกล่าวทำให้ปรับลดเกรดคำแนะนำลงเป็น “ถือ” จากเดิมซื้อ เนื่องจากผลประกอบการปี 66 จะไม่เด่นตลาดหลักของ DCC คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังอ่อนแอ และ DCC ได้เปลี่ยนนโยบายจ่ายปันผลจากไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไร เป็นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไร ทำให้เงินปันผลตอบแทนไม่จูงใจเพียงพอ ปรับลดประมาณการและเปลี่ยนวิธีประเมินราคาเป้าหมายจากเดิม ค่าเฉลี่ย 10 ปีของ Dividend Yield เท่ากับ 5% เป็น ของ Forward P/E เท่ากับ 16 เท่า จะได้เป้าหมายลดลงเป็น 2.80 บาท จากเดิม 3.20 บาท ทำให้ราคาหุ้นมีอัพไซด์ไม่มากนัก