MOSHI ดีดบวก 5% จับตากำไรปี 65 โตแรง 55% แตะ 203 ล้าน ปี 66 ทะลุ 300 ล้าน
MOSHI ดีดบวก 5% จับตากำไรปี 65 โตแรง 55% แตะ 203 ล้าน พร้อมลุ้นปี 66 ทะลุ 300 ล้าน วางเป้าเปิดสาขาแตะ 165 แห่งปี 68
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.พ.66) ราคาหุ้นบริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI โดย ณ เวลา 16:08 น. อยู่ที่ระดับ 44.00 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 4.76% สูงสุดที่ระดับ 44.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 40.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 93.47 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินอัตราการเติบโตของกำไรปี 66 ของ MOSHI อยู่ที่ 53% ซึ่งสูงกว่ากลุ่ม อีกทั้งมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในระยะยาวจากการขยายสาขา และการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น
โดยฝ่ายวิเคราะห์ได้คาดการณ์ยอดขายในปี 2565 เพิ่มขึ้น 42% และยอดขายในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 29% เนื่องจากการฟื้นตัวของการบริโภค จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาจาก 100 สาขาในปัจจุบันเป็นมากกว่า 165 สาขาในปี 2568
ขณะที่ตลาดของสินค้าไลฟ์สไตล์มีแนวโน้มขยายตัวสูง เนื่องจากมูลค่าตลาดมีสัดส่วนเพียง 0.2% ของค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้ากลุ่มค้าปลีกในปี 2564 โดยคาดว่าตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ในปี 2564-2569 จะมี CAGR ที่ 20.4% ซึ่งการที่ MOSHI เพิ่มสัดส่วนสินค้านำเข้าและได้ผลบวกจากการประหยัดจากขนาดจะทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น จึงคาดว่ากำไรในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น 55% อยู่ที่ 203 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 11.4% และปี 2566 กำไรจะเพิ่มขึ้น 53% อยู่ที่ 311 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 13.5%
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรปี 2565-2567 ของ MOSHI จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 29.8% ต่อปี หนุนจากยอดขายรวมที่คาดจะเติบโตสูงเฉลี่ย (CAGR) ที่ 26.8% ต่อปี ภายใต้สมมติฐานการเปิดสาขาใหม่ 11 แห่งในปี 2565, ในปี 2566 จำนวน 18 แห่ง และในปี 2567 จำนวน 18 แห่ง ขณะที่ SSSG ในช่วง 3 ปี จะฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยในปี 2565 SSSG จะอยู่ที่ 27% ขณะที่ในปี 2566 SSSG จะอยู่ที่ 20% และในปี 2567 SSSG จะอยู่ที่ 5%
นอกจากนี้ประเมินภาพรวมยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาจะกลับมาต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 เล็กน้อยในปี 2567 ซึ่งจากฐานยอดขายที่ใหญ่ขึ้นจะเพิ่ม economy of scale และการต่อรอง Supplier หนุนอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวดีขึ้นเป็น 51.8% ในปี 2565 ขณะที่ในปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 52.5% และในปี 2567 อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 53.0% ด้านค่าใช้จ่ายจากการขายและบริหาร (SG&A) ส่วนใหญ่มาจากค่าเสื่อม, ค่าเช่า และค่าพนักงานตามสาขา ซึ่งเป็นต้นทุนคงที่เป็นหลัก ภาพรวมจึงได้กำไรในช่วง 3 ปี (ปี 2565-2567) จะเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 29.8% ต่อปี