KJL พุ่ง 8% รับกำไรปี 65 โต 40% เคาะปันผลหุ้น-เงินสด

KJL พุ่ง 8% แตะ 18 บ. รับกำไรปี 65 โต 40% แตะ 131.63 ลบ. จากปีก่อนกำไร 94.04 ลบ. หลังรายได้ขายเพิ่มขึ้น เคาะปันผลหุ้น 1:1-เงินสด 0.63 บ. ขึ้น XD 10 มี.ค.66 พร้อมจ่าย 25 เม.ย.66


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.พ.66) ราคาหุ้นบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด หรือ KJL ล่าสุด ณ เวลา 14:39 น. อยู่ที่ระดับ 18 บาท บวก 1.30 บาท หรือ 7.78% สูงสุดที่ระดับ 18.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 16.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 70 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น KJL ปรับตัวขึ้น หลังรายงานผลการดำเนินงานงวดปี 65 สิ้นสุด 31 ธ.ค.65 มีกำไรเติบโตขึ้น 40% ดังนี้

โดยนายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,026.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180.73 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.38% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 845.34 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 131.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.97% จากปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 94.04 ล้านบาท

โดยที่รายได้ของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายสินค้ามาตรฐานเคเจแอล ประกอบไปด้วยตู้สวิทซ์บอร์ด รางเดินสายไฟ และกล่องพูลบ๊อกซ์ ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 171.10 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจ และการขยายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC รวมถึงรายได้จากการขายสินค้าสั่งผลิต หรือ MTO ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 35.64 ล้านบาท และรายได้จากการขายเศษเหล็กที่เพิ่มขึ้นจำนวน 5.68 ล้านบาท ตามยอดขายสินค้ามาตรฐานเคเจแอลที่เพิ่มขึ้น

ในขณะที่กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักที่สูงขึ้น รวมถึงบริษัทฯมีการใช้เทคโนโลยีระบบควบคุมการผลิตแบบ Industry 4.0 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ได้แก่ เครื่องตัดเลเซอร์ เครื่องเจาะด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องพับ และหุ่นยนต์พับอัตโนมัติ เป็นต้น ทำให้บริษัทฯ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับพนักงานฝ่ายผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯปรับสูงขึ้นเป็น 28.62% จากปีก่อนหน้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.46% และอัตรากำไรสุทธิของบริษัทฯปรับสูงขึ้นเป็น 12.83% จากปีก่อนหน้าที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11.12%

“ในปี 65 ที่ผ่านมาผลประกอบการของเราเติบโตได้จากยอดขายสินค้ามาตรฐาน และสินค้าสั่งผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ถือว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนสูงที่สุดของบริษัทฯ ซึ่งยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นไปตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการขยายการลงทุนใน EEC ของภาครัฐยังเป็นปัจจัยหนุนให้ความต้องการสินค้าของเราเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปีก่อนต่อเนื่องจนถึงปีนี้ และที่สำคัญเรายังใช้เทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการผลิต ทำให้สามารถควบคุมต้นทุน และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในกระบวนการผลิตอีกด้วย” นายเกษมสันต์กล่าว

นอกจากนั้นบริษัทฯ จะจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.63 บาท และหุ้นปันผลในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมจ่ายปันผลเป็นจำนวน 1.13 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นและสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันจันทร์ที่ 13 มี.ค.2566 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) 10 มี.ค.2566 และกำหนดจ่ายปันผลในวันอังคารที่ 25 เม.ย.2566

Back to top button