หุ้นยุโรปปิดลบ ตลาดวิตกภาคการผลิตสหรัฐฯหดตัว

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกัววลว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับลง 0.3% ปิด (1 ธ.ค.) ที่ 384.24 จุด, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,914.53 จุด ลดลง 43.07 จุด หรือ -0.87%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,261.24 จุด ร่วงลง 120.99 จุด หรือ -1.06% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,395.65 จุด เพิ่มขึ้น 39.56 จุด หรือ +0.62%

ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงในเดือนพ.ย.เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายปี 2012

ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM ร่วงลงสู่ระดับ 48.6% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 50.1% ในเดือนต.ค. โดยการร่วงลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.5 ในเดือนพ.ย.

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะ 52.8 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 52.3 เมื่อเดือนต.ค. และทรงตัวจากรายงานเบื้องต้น

ทั้งนี้ มาร์กิตเปิดเผยว่า ภาคการผลิตฟื้นตัวในวงกว้าง โดยสมาชิกยูโรโซนทุกประเทศล้วนมีการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ยกเว้นกรีซ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า ECB จะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน และอาจจะปรับอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งนี้

Back to top button