PTG วิ่ง 2% โบรกอัพเป้าใหม่ ลุ้นยอดขาย Q1 นิวไฮ

PTG วิ่ง 2% ราคาแตะ 14 บ. ขานรับโบรกแนะ “ซื้อ” โบรกอัพเป้าใหม่ ลุ้นปริมาณขายไตรมาส 1/66 ทำสถิติสูงสุดใหม่ เดินหน้าขยาย “กาแฟพันธุ์ไทย”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 มี.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ล่าสุด ณ เวลา 11:46 น. อยู่ที่ระดับ 14 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.19% สูงสุดที่ระดับ 14 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 13.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37.28 ล้านบาท

ทั้งนี้บล.กสิกรไทย คงคำแนะนำ “ซื้อ” PTG ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 16.20 บาท จาก TSR ที่ 21% คาดกำไรแข็งแกร่งขึ้นในครึ่งแรกของปี 66 และดีเซล B10/B20 อาจกลับมาใช้อีกครั้ง ขณะที่ PTG ยืนยันค่าการตลาดน้ำมันขายปลีกน้ำมันกลับสู่ปกติ และปริมาณขายไตรมาส 1/66 อาจทำสถิติสูงสุดใหม่อีก รวมทั้งการขยายธุรกิจของกาแฟพันธุ์ไทยจะเร่งขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ จึงปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้น 4-27% เพื่อสะท้อน upside ดังกล่าว ส่วนโรงกลั่นน้ำมันปาล์มพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่รอสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมให้เอื้อมากกว่านี้ก่อน

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ผู้บริหาร PTG ให้ข้อมูลว่ายังคงตั้งเป้าการเติบโตของ sale volume ที่ 8-12% โดยการที่นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น ตั้งเป้าขยายร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มอีก 1 พันสาขา เน้นรุกตลาดในกรุงเทพ ที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง โดยจะเป็น model Franchise

ส่วนการที่ กบง. มีมติปรับค่าการตลาดไประดับปกติ ผู้บริหารคาดจะเห็นค่าการตลาดของบริษัทดีขึ้นเป็นลำดับในไตรมาส 1/66 และไตรมาส 2/66 ด้านธุรกิจ palm complex จะหันไปเน้นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคมากขึ้น เพราะตลาด b100 ค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว และปี 66 น่าจะไม่ขาดทุนเหมือนกับปี 65

มองเป็นบวกเล็กน้อยกับการประชุมนักวิเคราะห์ 1) เห็นถึงความมั่นใจของผู้บริหารที่ sale volume growth อาจจะมากกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้เดิม โดยทั้งไตรมาส 1/66 และไตรมาส 2/66 จะเห็นการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน จากภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น 2) แนวโน้มค่าการตลาดกลับมาในระดับปกติ และราคาน้ำมันค่อนข้างทรงตัว ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น และ3) เชื่อว่าค่าการตลาดได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และน่าจะเห็นสัญญาณปรับตัวที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปี 66 ที่ 1.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 59 % เมื่อเทียบจากปีก่อน จากค่าการตลาดที่กลับสู่ระดับปกติ และคงราคาเป้าหมาย 15.20 บาท อิง Avg PER 17 เท่า คงคำแนะนำ “Trading Buy” ช่วง 1 เดือนราคาหุ้นปรับลงประมาณ 2% สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนตัว ในขณะที่ 1 สัปดาห์ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น 7% จากที่ กบง.ปรับค่าการตลาดขึ้นกลับมาเป็นปกติ

ส่วน บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมอง slightly positive จากเป้าหมายปี 66 ที่ aggressive ทั้ง oil และ non-oil business และมากกว่าที่เราและตลาดคาด หากทำได้จริงจะเป็นโอกาสของ upside ตั้งแต่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมาที่ภาครัฐผ่อนปรนค่าการตลาดน้ำมันดีเซลจาก 1.40 บาท/ลิตร ทำให้แรงกดดันค่าการตลาดในไตรมาส 1/66 ลดลง และคาดกลับสู่ภาวะปกติเต็มไตรมาสในไตรมาส 2/66 ขณะที่กลุ่ม non-oil โดยเฉพาะกาแฟพันธุ์ไทยที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 1,000 สาขา (จาก 511 สาขา) จะเป็นหนึ่งใน key catalyst ของปีนี้

ทั้งนี้ outlook ในไตรมาส 1/66 อาจยังเผชิญแรงกดดันค่าการตลาดน้ำมันใน 45 วันแรกของไตรมาสที่คาดว่าไม่สูงนัก และส่วนแบ่งขาดทุนจาก palm complex น่าจะยังมีผลต่อเนื่อง โดยให้น้ำหนักในไตรมาส 2/66 น่าจะมีโอกาสกลับสู่ภาวะปกติ ภายหลังรัฐผ่อนปรนการคุมค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในปลาย กพ. ที่ผ่านมา

คงกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1.39 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน คงราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 17 บาท และคง Trading Buy โดยมองช่วงในไตรมาส 2/66 หากสถานการณ์ของค่าการตลาดน้ำมันและธุรกิจ palm complex ทยอยดีขึ้น ค่อยมองเป็นโอกาสสะสม

Back to top button