กลุ่มสายการบินร่วงยกแผง THAI หนักสุด! รูดกว่า 7%
กลุ่มการบินปิดวันนี้ (2 ธ.ค.) ร่วงยกแผง หลัง FAA ลดเกรดเป็น CAT 2 กูรูแนะจับตาผล EASA ด้านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แนะ THAI ควรมีแผนสำรองไว้รับมือกับกรณีดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นกลุ่มสายการบินปิดวันนี้ (2 ธ.ค.) ปรับตัวลงทั้งกลุ่ม นำโดยราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 322 บาท ลบ 2.00 บาท หรือ 0.62% มูลค่าการซื้อขาย 1,482.68 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 4.38 บาท ลบ 0.28 บาท หรือ 6.01% มูลค่าการซื้อขาย 90.81 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 21.70 บาท ลบ 1.00 บาท หรือ 4.41% มูลค่าการซื้อขาย 215.48 ล้านบาท
ราคาหุ้น บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 6.60 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 2.94% มูลค่าการซื้อขาย 4.81 ล้านบาท
และราคาหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 8.05 บาท ลบ 0.65 บาท หรือ 7.47% มูลค่าการซื้อขาย 104.66 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้วางแนวทางแก้ปัญหากรณีที่สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FAA) ปรับลดมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินของไทย โดยจะมุ่งเน้นแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) จากผลการตรวจสอบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เป็นสำคัญ ที่มีอยู่ 33 ข้อ และดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องอื่นๆควบคู่กันไป ซึ่งตามแผนงานจะให้ทาง ICAO เข้ามาตรวจสอบซ้ำในเดือนส.ค. 59 และคาดว่าจะปลดธงแดงได้หลังจากนั้น
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจและให้ใบอนุญาตใหม่ของสายการบิน ซึ่งเน้นไปที่สายการบินที่ทำการบินระหว่างประเทศที่มีจำนวน 28 สายการบิน จากทั้งหมดที่มี 41 สายการบิน ซึ่งได้แจ้งไว้ในแผนแก้ไขที่ ICAO รับทราบแล้ว
อย่างไรก็ตามทาง ICAO ได้กำชับว่าการเข้ามาตรวจซ้ำนั้น ทางไทยต้องมั่นใจว่าจะสอบผ่านมาตรฐานได้ เพราะไม่ผ่านครั้งนี้จะยังคงติดธงแดงไปอีกนาน สอดคล้องกับทางสำนักงานความปลอดภัยการบินพลเรือนแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ได้แนะนำให้ไทยยืดเวลาขอปลดธงแดงกับ ICAO ออกไปเป็นปลายปี 59
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยถึงกรณีที่องค์กรบริหารการบินแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (Federal Aviation Admintstration หรือ เอฟเอเอ FAA) ได้ประกาศลดระดับประเทศไทยจาก category 1 เป็น category 2 ว่า ไม่น่าจะเกิดผลกระทบมากนัก และเป็นผลทางด้านจิตวิทยาเป็นหลัก แต่สำหรับการประกาศผลตรวจสอบของ EASA (สนง.บริหารการบินแห่งชาติสหภาพยุโรป) ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้จะมีความสำคัญมากกว่า ซึ่งทางบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ควรมีแผนสำรองไว้รับมือกับกรณีดังกล่าว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) ว่า FAA ของสหรัฐลดเกรดมาตรฐานการบินไทย จาก Category 1 (CAT1) เป็น Category 2 (CAT 2) ส่งผลให้สายการบินที่มีสัญชาติไทยไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินได้ ข่าวนี้ไม่กระทบ AAV, NOK, BA ซึ่งบริการเฉพาะเส้นทางระยะสั้น-กลาง และไม่มีการบินเข้าสหรัฐ และไม่กระทบ THAI ซึ่งยกเลิกการบินตรงไปยังสหรัฐทั้งหมดแล้ว
แต่จะมีความเสี่ยงหากยุโรป EASA ลดเกรดตาม (ประกาศผล 10 ธ.ค.) เพราะมีรายได้จากเส้นทางยุโรปเกือบ 20% ในกลุ่มสายการบินโดยแนะนำซื้อ AAV (ราคาเป้าหมายปีหน้า 6 บาท) เพียงตัวเดียว ส่วน AOT ไม่ถูกกระทบจากข่าวนี้แต่แนะนำขายเพราะเต็มมูลค่า
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) มองประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นฐานหุ้นกลุ่มสายการบินทั้ง THAI, AAV, BA และ NOK เนื่องจาก ณ ขณะนี้ไม่มีสายการบินไหนที่ทำการบินไปยังสหรัฐฯ และประเทศไทยก็ติดธงแดงจากองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบด้านลบเชิง Sentiment โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์สายการบินของไทย ซึ่งอาจทำให้ประเทศอื่นๆ สั่งแบนการเพิ่มเที่ยวบินหรือจุดบินใหม่ตามมาด้วยเช่นกัน และอาจส่งผลลบทางอ้อมต่อมายังอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศได้
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 พ.ย.) สิ่งที่ต้องจับตาต่อคือ การประกาศผลตรวจสอบของ EASA (สนง.บริหารการบินแห่งชาติสหภาพยุโรป) ในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ ซึ่งหาก EASA ลดเกรดลงจะมีผลกระทบมากกว่าเนื่องจาก THAI มีเที่ยวบินไปยุโรปหลายประเทศ รวมไปถึงต้องติดตามท่าทีของ CASA (ออสเตรเลีย), JCAB (ญี่ปุ่น) ต่อประเด็นนี้