“เพื่อไทย” พร้อมแก้หนี้ให้ปชช. เช็ดล้างปัญหา “รัฐบาลลุงตู่”
พรรคเพื่อไทย ชูนโยบายเร่งด่วน “แก้หนี้ประเทศ-เกษตรกร-SME-นอกระบบ” ยันดึงหนี้เข้าระบบสร้างทางเลือกให้ประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 มี.ค.66) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และกรรมการนโยบายกรรมการเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงนโยบายแก้หนี้สินของประชาชนและประเทศ ของพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า หนี้ที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน 4 กอง ได้แก่
1. หนี้ประเทศ หรือหนี้สาธารณะของ 8 ปี รัฐบาล คสช.-ประยุทธ์ ก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 5.16 ล้านล้านบาท ไม่รวมหนี้ใต้พรมที่อยู่กับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ต้องใช้เวลาถึง 74 ปี ชำระหนี้ ไม่รวมดอกเบี้ย การก่อหนี้นั้นไม่ผิดหากเศรษฐกิจโตเร็วกว่าหนี้ที่ก่อ แต่นั่นไม่ใช่กรณีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ตลอด 4 ปี ขนาดเศรษฐกิจของไทยหักเงินเฟ้อ นั้นติดลบ ซึ่งคือการก่อหนี้แบบหายนะ
สำหรับเพื่อไทย แนวทางในการบริหารหนี้สาธารณะ เริ่มต้นจากการออกแบบนโยบาย ทุกนโยบายของเพื่อไทยไม่ว่าใช้เงินมาก-น้อย ทุกบาททุกสตางค์ได้รับการกลั่นกรอง ไตร่ตรองด้วยความรับผิดชอบทางการคลัง ว่าทุกนโยบายส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจมากกว่าเม็ดเงินที่ใช้ เพื่อเศรษฐกิจที่โตเร็วกว่าหนี้ เพื่อหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ลดลงในระยะยาว
- หนี้เกษตรกร มีสัดส่วน 90% ของครัวเรือนเกษตรกรเป็นหนี้ เฉลี่ย 430,000 บาทต่อครัวเรือน ทุกวันคือการกู้มาลงทุนในสิ่งที่ขาดทุนหรือแทบไม่เหลือกำไร เหล่านี้จะกลายเป็นอดีต เพราะเพื่อไทยกำลังจะสร้างอนาคตให้เกษตรกร รายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี โดยต้องทำอีกสิ่งหนึ่งไปพร้อมกัน นั่นคือการแก้หนี้ของเกษตรกร เกษตรกรเดินไปข้างหน้าไม่ได้ หากยังมีพันธนาการพันหลังอยู่ และนั่นจึงเป็นที่มาของนโยบายพักหนี้เกษตรกร ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 3 ปี ควบคู่กับการพลิกฟื้นและผ่าตัดภาคเกษตรกรรมไทย
- หนี้ SME มีจำนวน 2.3 ล้านบัญชี มูลค่าหนี้ 2 แสนล้านบาท คือ หนี้เสียรหัส 21 ของ SME ที่เคยแข็งแรง แต่ประสบภัยโควิด ประสบอุบัติเหตุทางการเงิน แม้ ศก. จะสามารถลุกขึ้นได้ แต่คนกลุ่มนี้ลุกไม่ไหว ต้องเร่งช่วยเหลือ และนั่นจึงเป็นที่มาของมาตรการพักหนี้ SME ประสบภัยโควิด 1 ปี คู่ขนานไปกับการปรับโครงสร้างหนี้แบบเฉพาะเจาะจง ตรงกับความต้องการของภาคเอกชน ต่อยอดด้วยชุดนโยบาย SME ของเพื่อไทย
- หนี้นอกระบบ มีจำนวนกว่า 1.4 ล้านคน มีหนี้นอกระบบ นี่คือกลุ่มที่เปราะบางที่สุด เข้าไม่ถึงแม้แต่สินเชื่อในระบบ โดนปฏิเสธ โดนดูถูก ไร้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ต้องหันไปหาเจ้าหนี้นอกระบบ นั่นคือจุดเริ่มต้นของความอันตราย
ทั้งนี้ เพื่อไทยเสนอการช่วยเหลือประชาชน 1. ดึงหนี้นอกระบบสู่ในระบบ โดยสร้างคู่แข่งสู้กับเจ้าหนี้นอกระบบ เอาชนะด้วยดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ปลอดภัยกว่า เข้าถึงง่ายกว่า และรับประกันโดยภาครัฐ กลไกนี้คือพิโกไฟแนนซ์ โดยผลักดันอุดหนุนดอกเบี้ยให้พิโกไฟแนนซ์ให้ถูกกว่าและเป็นทางเลือกที่ดีกว่าของประชาชน
2. กันหนี้ในระบบไหลสู่นอกระบบ โดยเพิ่มงบประมาณการค้ำประกันสินเชื่อให้รัฐรับความเสี่ยงบางส่วนของประชาชน เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ หยุดการไหลสู่หนี้นอกระบบ ทั้งสองกลไกจะทำงานร่วมกันเพื่อหยุดวงจรหนี้นอกระบบ นี่คือการทลายหนี้ 4 กอง ของพรรคเพื่อไทย ถึงเวลาแล้วที่จะคืนความมั่นคงทางการคลังให้กับประเทศ คืนความมั่นคงทางการเงินให้กับประชาชน