CPALL ร่วง 5.88% ก.ล.ต.ปรับผู้บริหารอินไซด์เดอร์ MAKRO กระทบบริษัท
CPALL ร่วง 5.88% หลัง ก.ล.ต.ปรับผู้บริหารอินไซด์เดอร์หุ้น MAKRO ด้านบล.ทรีนีตี้แนะซื้อเป้า 63 บ.มองประเด็นดังกล่าวไม่กระทบบริษัทระยะยาว โดย ณ เวลา 10.05 น.อยู่ที่ 44.00 บาท ลบ 2.75 บาท หรือ 5.88% มูลค่าการซื้อขาย 999.59 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ณ เวลา 10.05 น.อยู่ที่ 44.00 บาท ลบ 2.75 บาท หรือ 5.88% มูลค่าการซื้อขาย 999.59 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 43 บาท ต่ำสุดที่ 42.50 บาท สูงสุดที่ 44.00 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.11%
โดยราคาหุ้นร่วงแรง เนื่องจากวานนี้(2 พ.ย.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยกรณีคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบ (1) นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ (2) นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล (3) นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล และ (4) นายอธึก อัศวานันท์ กรณีอาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้นบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) เป็นเงินรวม 33,339,500 บาท และเปรียบเทียบ (5) นายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล และ (6) นางสาวอารียา อัศวานันท์ ซึ่งให้การช่วยเหลือสนับสนุน เป็นเงินรายละ 333,333.33 บาท
โดย ก.ล.ต. ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า บุคคลตาม (1) – (4) ได้ซื้อหุ้น MAKRO โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้น MAKRO ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน โดยพบการซื้อหุ้นในบัญชีบุคคลดังกล่าวหรือผู้สนับสนุนระหว่างวันที่ 10 – 22 เมษายน 2556 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) เจรจาตกลงจะซื้อหุ้น MAKRO ที่บริษัท เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี. (SHV) ถืออยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อม 154,429,500 หุ้น หรือ 64.35 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ MAKRO ที่ราคาหุ้นละ 787 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้นอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นเหตุให้ CPALL ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้น MAKRO ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นการทั่วไป (Tender Offer) ที่ราคาเดียวกัน
ทั้งนี้ บุคคลทั้งสี่อาศัยข้อมูลภายในซึ่งบางรายล่วงรู้จากการร่วมในคณะผู้บริหารของ CPALL ที่เข้าร่วมเจรจากับผู้ขายในธุรกรรมดังกล่าว และบางรายล่วงรู้เนื่องจากการเป็นกรรมการและผู้บริหารของ CPALL โดยพบการซื้อหุ้น MAKRO ในบัญชีของนายก่อศักดิ์ 118,300 หุ้น และบัญชีของนายปิยะวัฒน์ 5,000 หุ้น ส่วนกรณีนายพิทยา พบการซื้อผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายสมศักดิ์ซึ่งเป็นน้องชาย 7,500 หุ้น และกรณีนายอธึก พบการซื้อผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวอารียาซึ่งเป็นบุตรสาว 6,000 หุ้น
การกระทำของนายก่อศักดิ์ นายพิทยา นายปิยะวัฒน์ และนายอธึก ซึ่งเป็นบุคคลวงในเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 สำหรับการกระทำของนายสมศักดิ์ และนางสาวอารียา เข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิดของนายพิทยาและนายอธึก เป็นความผิดตามมาตรา 241 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 ราย ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบ คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบปรับนายก่อศักดิ์ เป็นเงิน 30,228,000 บาท นายปิยะวัฒน์ เป็นเงิน 725,000 บาท นายพิทยา เป็นเงิน 979,500 บาท นายอธึก เป็นเงิน 1,407,000 บาท และเปรียบเทียบปรับนายสมศักดิ์ และนางสาวอารียา เป็นเงินรายละ 333,333.33 บาท
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์(3 พ.ย.) แนะนำ “ซื้อ” CPALL ราคาเป้าหมาย 63.00 บาท/หุ้น พร้อมทั้งมองว่าประเด็นดังกล่าวมีผลกระทบต่อ CG ของบริษัทจึงอาจทำให้ตลาดมีโอกาสพิจารณาปรับลดมูลค่ายุติธรรมลงจากปัจจัยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่จะสะท้อนเข้ามา แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนในระยะสั้น อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในเชิงปัจจัยพื้นฐานระยะยาว
ขณะที่บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า เรื่องนี้ไม่กระทบกับผลประกอบการของ CPALL แต่อาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกลุ่มบริษัทซีพีและ CPALL จากกรณีนี้บ้าง ซึ่งก็คงต้องมีการปรับเรื่อง Governance ภายในกลุ่มกันต่อไป ทั้งนี้ยังคาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส 4/58 จะเติบโตดีขึ้น QoQ และเติบโตแกร่ง YoY เพราะไตรมาสสุดท้ายเป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย และมีแคมเปญแลกแสตมป์ด้วย
ทั้งนี้ การอ่อนตัวของราคาหุ้นเป็นจังหวะในการทยอยซื้อลงทุน โดยทาง DBSV ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 55.00 บาท ส่วนราคาพื้นฐานเฉลี่ยใน IAA Consensus อยู่ที่ 58 บาท