“หอการค้าไทย” ประเมินช่วงเลือกตั้ง ทำเงินสะพัดแสนล้าน
ม.หอการค้าไทย ประเมินช่วงเลือกตั้งทำเงินสะพัดแสนล้าน ทางด้านเอกชนชะลอลงทุนรอดูทิศทางการเมือง ตลอดจนเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงผลสำรวจความเห็นต่อผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจต่อภาคธุรกิจไทยว่า สถานการณ์การเมืองและการเลือกตั้งจะทำให้เกิดกิจกรรมการรณรงค์หาเสียงที่เข้มข้นขึ้นกว่าทุกครั้ง ประเมินว่าจะมีเงินสะพัด 1-1.2 แสนล้านบาท และเกิดขึ้นเร็วในช่วง 1 เดือนครึ่งทุกเขตเลือกตั้ง โดยในพื้นที่ที่มี สส.แต่ละเขตมากขึ้น เงินก็จะหมุนเวียนมาก โดยจะมาจากการว่าจ้างทำป้ายหาเสียง ธุรกิจเวทีเครื่องเสียง รถหาเสียง ตลอดจนออกาไนเซอร์ที่จัดอีเว้นท์ต่างๆ ที่จะทำให้เม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศเติบโตได้ 0.5-0.7% และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจ จะดีขึ้นได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เอกชนยังมีความกังวลหลังเลือกตั้ง คือความต่อเนื่องของนโยบาย เศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ตลอดจนเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ จะได้รับการยอมรับหรือทำให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งต้องยอมรับว่า การจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นได้หลายมิติ ดังนั้น ในช่วงไตรมาส 2-3 นักลงทุนจะชะลอการลงทุนไว้ก่อน เพื่อรอดูทิศทางนโยบายที่ชัดเจน รวมทั้งกรณีที่ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรค การเมืองใช้นโยบายที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุน ผู้ประกอบการ เช่น การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจะเป็นจุดเสี่ยงของผู้ประกอบการได้ในระยะยาว
ทั้งนี้หากการเมืองยังคงมีความไม่แน่นอน การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่มีเสถียรภาพเกิดความขัดแย้งของการเมืองนอกสภา จะทำให้นักลงทุนตัดสินใจชะลอดูความชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปีนี้ หากไม่รุนแรงเศรษฐกิจจะเดินหน้าได้ แต่หากไม่มีเสถียรภาพอย่างชัดเจนจะส่งผลกับการฟื้นตัว ของเศรษฐกิจประเทศแน่นอน ซึ่งหอการค้าไทยจะมีการประเมินภาวะเศรษฐกิจอีกครั้งหลังเดือนกรกฎาคม ที่ผลการเลือกตั้งมีความชัดเจนแล้ว ว่าพรรคการเมืองใดมีเสียงส่วนใหญ่ในสภาและการจับขั้วทางการเมืองจะออกมาในรูปแบบใด
นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังมีความเป็นห่วงในเรื่องต้นทุนการประกอบการ กิจการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้าแพง เงินเฟ้อสูง อัตราดอกเบี้ยสูง ขณะเดียวกันจะส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน หากของแพงคนก็ไม่ซื้อ ยอดขาย ลด และกำไรแย่ลง แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่ภาคการส่งออกไม่ได้กระเตื้องขึ้น อย่างที่คาดการณ์ไว้ โดยยังประมาณการเศรษฐกิจ 3.3-3.8%