TRC ดีดบวก 3% รับใส่เงินเพิ่มทุน “โปแตช” ล็อตแรก ร่วมคลัง-EA ร่วมถือหุ้น APOT ปลายปีนี้
TRC ดีดบวก 3% รับควัก 113 ล้านบาท เพิ่มทุน “อาเซียนโปแตช ชัยภูมิ” ด้าน “คลัง” ใช้งบกลาง 90 ล้านบาท เพิ่มทุนล็อตแรก จ้างที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาความเป็นไปได้โครงการ พร้อมเดินหน้าเจรจา 4 แบงก์ใหญ่ รวมทั้ง ADB กู้เงินก้อนใหญ่ 1.5-2.0 หมื่นล้านบาท ดึงพันธมิตร 2-3 ราย รวมทั้ง EA เข้าร่วมถือหุ้น APOT ปลายปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(24 มี.ค.66)ราคาหุ้นบริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ปิดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 0.61 บาท บวก 0.02 บาท หรือ 3.39% ราคาสูงสุด 0.64 บาท ราคาต่ำสุด 0.59 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 35.44 ล้านบาท
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) หรือ APOT เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ได้เห็นชอบแผนเพิ่มทุนจำนวน 450 ล้านบาท โดยเป็นการเพิ่มทุนครั้งแรกตามแผน เพื่อนำเงินไปจ้างที่ปรึกษาทางการเงินศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการก่อนเพิ่มทุนระยะที่สอง พร้อมทั้งกู้เงินจากสถาบันการเงินในช่วงปลายปีนี้
สำหรับวงเงินทั้งหมดที่จะใช้ดำเนินการโครงการเหมืองแร่โปแตชชัยภูมิ อยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินเพิ่มทุน และส่วนที่สองมาจากเงินกู้ โดยกระบวนการเพิ่มทุนล็อตแรกจะเกิดขึ้นภายในเดือน เม.ย.นี้
โดยล่าสุดนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังจะใช้งบกลางปี 66 ในการเพิ่มทุน 90 ล้านบาท ตามสัดส่วนของการถือหุ้น APOT ที่ 20%
ด้านนายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) หรือ TRC เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ดบริษัทเมื่อวันที่ 22 มี.ค.66 ได้มีมติอนุมัติให้เงินกู้ยืมกับ TRC Investment Limited และ TRC International Limited (TRC Inter) รวมมูลค่า 113.60 ล้านบาท การทำรายการนี้เพื่อใช้ในการลงทุนในหุ้นสามัญ APOT ตามสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทย่อย ซึ่งบริษัท TRC Investment Limited ถือครองหุ้นตามสัดส่วน 22.4535% และบริษัท TRC International Limited ถือครองหุ้นตามสัดส่วน 2.6730% รวมเป็น 25.1265%
แหล่งข่าวจาก APOT เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนรอบนี้เป็นการเพิ่มทุนของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม ทั้งกระทรวงการคลังและ TRC รวมทั้งสมาชิกอาเซียนเป็นหลัก ซึ่งจะใช้เงินงวดแรกเพียง 450 ล้านบาท กระทรวงการคลังจะใส่เพิ่มทุนจำนวน 90 ล้านบาท ภายในเดือน เม.ย.นี้
ขณะที่ TRC จะต้องไปจ้างที่ปรึกษามาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคจะมาจากประเทศเยอรมนีจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนที่ปรึกษาทางการเงินจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 3 เดือนสำหรับการเจรจากับสถาบันการเงิน จะทำคู่ขนานไปกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
โดยจะมีทั้งธนาคารพาณิชย์ในประเทศ อาทิ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์,ธนาคารกสิกรไทย,ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ส่วนแบงก์ต่างประเทศ อาทิ ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ ADB และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JICA
โดยภายหลังจากเจรจากับแบงก์เสร็จแล้ว จึงจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้น APOT เพื่อขอมติเห็นชอบเพิ่มทุนก้อนใหญ่ ซึ่งครั้งนี้วงเงินเพิ่มทุนขึ้นอยู่กับการเจรจากับธนาคารพาณิชย์ว่าจะออกมาสูตรไหน อาทิ หากใช้สูตร 1 ต่อ 1 ก็ต้องเพิ่มทุน 3 หมื่นล้านบาท และกู้เงิน 3 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าใช้สูตร 1 ต่อ 3 ก็ต้องเพิ่มทุน 1.5 หมื่นล้านบาท และกู้เงิน 4.5 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหม่จะมีประมาณ 2-3 ราย อาทิ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA จะเข้ามาในการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ในฐานะผู้ถือหุ้นใหม่ปลายปีนี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเข้าไปถือหุ้นใน APOT โดยตรง หรือจะถือผ่าน TRC