หุ้นพลังงานวิ่งคึก! รับ “โอเปกพลัส” หั่นกำลังผลิตน้ำมัน 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน
6 หุ้นพลังงานวิ่งคึก! รับ “โอเปกพลัส” หั่นกำลังผลิตน้ำมัน 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน PTTEP นำทีมบวก 5% โบรกแนะซื้อเป้า 200 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3 เม.ย.66) ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแรง รับอานิสงส์กลุ่มโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน ส่งผลดีต่อราคาน้ำมันฟื้นตัว นำโดย บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ณ เวลา 10:27 น. อยู่ที่ระดับ 157.50 บาท บวก 7.00 บาท หรือ 4.65% ราคาหุ้นสูงสุด 158.50 บาท ราคาต่ำสุด 157.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.05 พันล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ณ เวลา 10:30 น. อยู่ที่ระดับ 31.75 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.79% ราคาหุ้นสูงสุด 32.00 บาท ราคาต่ำสุด 31.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 598.40 ล้านบาท
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:32 น. อยู่ที่ระดับ 54.50 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 3.81% ราคาหุ้นสูงสุด 55.00 บาท ราคาต่ำสุด 54.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 249.40 ล้านบาท
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ณ เวลา 10:36 น. อยู่ที่ระดับ 32.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.03% ราคาหุ้นสูงสุด 1.25 บาท ราคาต่ำสุด 32.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 185.44 ล้านบาท
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ณ เวลา 10:34 น. อยู่ที่ระดับ 11.20 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 3.70% ราคาหุ้นสูงสุด 11.30 บาท ราคาต่ำสุด 11.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 69.29 ล้านบาท
บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ณ เวลา 10:46 น. อยู่ที่ระดับ 9.00 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.69% ราคาหุ้นสูงสุด 9.10 บาท ราคาต่ำสุด 8.95 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 113.10 ล้านบาท
บล.ดาโอ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(3 เม.ย.66) เมื่อวันที่ 2 เม.ย.66 ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศสมาชิก OPEC+ (รวมประเทศสมาชิก OPEC และพันธมิตร เช่น รัสเซีย) ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมรวม 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (mbd) (เทียบเท่าประมาณ 1% ของอุปทานน้ำมันโลก) ตั้งแต่เดือน พ.ค.66 จนถึงสิ้นปี 66 นำโดยซาอุดิอาระเบีย(0.5mbd) อิรัก (0.2mbd) UAE (0.1mbd) และคูเวต (0.1mbd) โดยซาอุดิอาระเบียอ้างว่าเป็นมาตรการเพื่อรักษาความมั่นคงของตลาดน้ำมัน
นอกจากนี้ รัสเซียได้ประกาศว่าจะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของตนเองออกไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน 0.5mbd ในช่วงเดือน มี.ค.-มิ.ย.66 ทั้งนี้การตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมนี้ เป็นส่วนเพิ่มจาก 2.0 mbd ที่ OPEC+ ประกาศไปเมื่อเดือน ต.ค.65
การตัดสินใจลดกำลังการผลิตของ OPEC+ นี้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมระดับรัฐมนตรีเพื่อติดตามการดำเนินการของโอเปก (JMMT) ในวันนี้ (3 เม.ย.66) อิรักและเคอร์ดิสถานตกลงที่จะกลับมาส่งออกน้ำมันผ่านตุรกี สื่อต่างประเทศของเคอร์ดิสถานรายงานว่ารัฐบาลภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) สามารถที่จะหาข้อตกลงเบื้องต้นกับรัฐบาลอิรักในการจะกลับมาส่งออกน้ำมันผ่านท่อส่งน้ำมันของตุรกี หลังจากก่อนหน้านี้ ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (International Court of Arbitration) มีคำสั่งให้การส่งออกน้ำมันจากเขตปกครองตนเองเคอร์ติสถานผ่านท่อส่งน้ำมันของตุรกีต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอิรักก่อน ทำให้ตุรกีได้หยุดการสูบน้ำมันจากเคอร์ติสถานซึ่งมีการส่งออกน้ำมันประมาณ 450 พันบาร์เรลต่อวัน (kbd) (ประมาณ 0.5% ของอุปทานน้ำมันโลก)
โดยมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ โดยเชื่อว่าข่าว OPEC+ เตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมจะส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันมากกว่าข่าวการกลับมาส่งออกน้ำมันของอิรักทั้งนี้เราเชื่อว่าจากข่าวข้างต้นนี้จะส่งผลให้มีอุปทานน้ำมันดิบโลกลดลงเพิ่มเติม 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในครึ่งปีหลังนี้ จากที่ตลาดคาดก่อนหน้านี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า Brent สูงขึ้น 0.6% เป็น USD79.8/bbl ซึ่งยังไม่ได้สะท้อนผลกระทบจากข่าวนี้ จึงคงมุมมองว่าราคาน้ำมันดิบจะฟื้นตัว HoH ในครึ่งปีหลังนี้ จากอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นและจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวจากจีน
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้น ยังคงประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 66 ที่ USD93.0/bbl ยังคงน้ำหนักการลงทุน เท่ากับตลาด สำหรับกลุ่มพลังงาน และชอบหุ้นพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นที่น่าได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
โดยเราชอบหุ้น PTTEP (ซื้อ/เป้า 200.00 บาท), SPRC (ซื้อ/เป้า 12.50 บาท) และ TOP (ซื้อ/เป้า 65.00 บาท) โดยเชื่อว่าราคาหุ้น PTTEP มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่น่าจะฟื้นตัว ขณะที่โรงกลั่นมีโอกาสที่จะเห็นกำไรจากสต็อกน้ำมัน (stock gain)
บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดปรับตัวขึ้น เป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย และตลาดหุ้นทั่วโลกโดยมีปัจจัยหนุนจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไปต่ำกว่าคาด โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้
โดยประกอบกับล่าสุดกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแรง เป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่น่าจะบวกขึ้นนำตลาดได้ในวันนี้