หาจังหวะเก็บ TOP โบรกชี้กำไร Q1 ทะลุ 4 พันล้าน ขาดทุนสต๊อกลด-ค่าการกลั่นฟื้น

TOP ร่วงหนักเข้าเขตขาย แนะหาจังหวะเข้าเก็บ โบรกประสานเสียง "ซื้อ" ชูราคาเป้าสูงสุด 72 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/66 ทะลุ 4 พันล้านบาท รับอานิสงส์ขาดทุนสต็อกลด-ค่าการกลั่นฟื้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 เม.ย.) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ล่าสุด ณ เวลา 10:33 น. อยู่ที่ระดับ 45.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือ 2.66% สูงสุดที่ระดับ 46.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 45.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 276.67 ล้านบาท ซึ่งราคาหุ้นปรับตัวลงมาทำนิวโลว์ในรอบ 1 ปี 8 เดือน

อย่างไรก็ตามจากราคาหุ้นบนกระดานของ TOP ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหากดูสัญญาณเทคนิคถือว่าเข้าเขต Oversold หรือเข้าเขตขายมากเกินไป เนื่องจากสัญญาณ RSI ลงมาอยู่ที่ 25.10% และสัญญาณ Slow Stochastic ด้วยเส้น%K อยู่ที่ 9.26% และเส้น %D อยู่ที่ 12.76% ซึ่งคาดว่าราคาหุ้นมีโอกาสเด้งกลับได้อีกไม่นาน

ขณะที่ทางนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างออกบทวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดว่า TOP มีโอกาสที่จะเห็นกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ฟื้นตัวโดดเด่น แตะระดับ 4 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากรับรู้ขาดทุนสต็อกน้ำมันลดลง และค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น ขณะที่จะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น รับสถานการณ์ความไม่สงบในรัสเซียและยูเครน

สำหรับ บล.ฟิลลิป ระบุว่า ทางฝ่ายคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 4,056 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างมีนัยจากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 43.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน โดยกาไรสุทธิที่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน แรงหนุนจาก GRM ที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก crude premiumในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 4.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลงจาก 7 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 4/2565 และutilization rate ของโรงกลั่นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 110% จากเดิม 103% ในไตรมาส 4/2565 และธุรกิจอะโรเมติกส์ที่คาดว่าจะมีผลการดาเนิน งานปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากคาดว่า GIM ในไตรมาส 1/2566 จะอยู่ที่ราว 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้นจาก 0.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาส 4/2565 ประกอบกับ utilization rate ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 70% จากเดิม 67% ในไตรมาส 4/2565 สำหรับธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นคาดว่า GIM จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ราว 1.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่ utilization rate มีแนวโน้มที่จะกลับสู่ภาวะปกติปรับขึ้นอยู่ที่ราว 85% จากเดิม 43% ในไตรมาส 4/2565 เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผน ส่วนราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้คาดว่า TOP จะมีการรับรู้ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ราว 3.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือคิดเป็น -3,347 ล้านบาท (ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 9.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือคิดเป็น 9,178 ล้านบาท) แต่ผลการดาเนินงานยังคงมีแรงหนุนจากการรับรู้กำไรจากการป้องกันความเสี่ยงราว 500 ล้านบาท และการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกประมาณ 200 ล้านบาท

Back to top button