CBG ร่วง 7% ผิดหวังงบ Q1 กำไรหด 60% เหลือ 264 ล้านบาท
CBG ร่วง 7% นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังงบ Q1/66 กำไรหด 60% เหลือ 264 ล้านบาท จากช่วงปีก่อน 660 ล้านบาท เหตุรายได้จากการขายและยอดส่งออกลดลง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 พ.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ล่าสุด ณ เวลา 10:36 น. อยู่ที่ระดับ 71.75 บาท ลบไป 5.25 บาท หรือลงไป 6.82% สูงสุดที่ระดับ 76.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 71.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 462.97 ล้านบาท
สำหรับ CBG รายงานงบไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 263.79 ล้านบาท ลดลง 60.05% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 660.25 ล้านบาท สาเหตุมาจากรายได้จากการขายรวม 4,124 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 4,783 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นรายได้จากการดำเนินการผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองจำนวน 2,485 ล้านบาท ลดลง 17% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ
โดยรายได้จากการขายในประเทศอยู่ที่ 1,162 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากการปรับตัวลดลงของยอดขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังคาราบาวแดงเป็นหลักตามสภาวะตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศด้วยกลยุทธ์การจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมพื้นที่การค้าสำคัญทั่วประเทศ
รวมถึงการสร้างความแตกต่างในด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างจุดขายด้วยวิตามินบี 12 สูงขึ้นเป็น 4 เท่า ราคาขาย 10 บาทเท่าเดิม ควบคู่กับดำเนินงานสานต่อกิจกรรมการตลาดบาวแดงช่วยคนไทยสร้างอาชีพผ่านรายการตะลอนข่าว ช่องไทยรัฐทีวีเป็นผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดเริ่มขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นในเดือนมีนาคม และคาดว่าจะขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการที่คู่แข่งหลักทุกรายได้ปรับราคาขายขึ้นเป็น 12 บาท
อีกทั้งรายได้จากการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ 1,323 ล้านบาท ลดลง 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากการปรับตัวลดลงของยอดขายจากกลุ่มประเทศ CLMV และจีนเป็นหลัก จากการชะลอของยอดขายที่เกิดจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อเนื่องจากวิกฤติของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในระยะอันใกล้
นอกจากนี้ยังมีส่วนของรายได้จากการขายในตลาดประเทศอังกฤษภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อย Intercarabao Company Limited (“ICUK”) อยู่ที่ 39 ล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่บริษัทว่าจ้างบุคคลภายนอกดำเนินการผลิตอยู่ที่ 48 ล้านบาท ลดลง 61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากผลิตภัณฑ์น้ำดื่มและกาแฟ 3 in 1 ที่เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
ขณะที่ผลิตภัณฑ์กาแฟกระป๋องนั้นไม่มียอดจัดจำหน่ายเนื่องจากอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโฉมผลิตภัณฑ์และการพัฒนาสูตรใหม่ ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในเร็วๆนี้
สำหรับรายได้จาการขายอื่นอยู่ที่ 123 ล้านบาท ลดลง 52% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากการผลิตและขายขวดแก้วให้แก่บุคคลภายนอกภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอเชียแปซิฟิกกลาส จำกัด (APG) ที่ปรับตัวลดลง