LH ปิดร่วง 3% แพนิกโบรกหั่นกำไรปี 66 เหลือ 7.3 พันล้าน เป้า 9.50 บ.

LH ปิดตลาดร่วง 3% นิวโลว์รอบ 9 เดือน นักลงทุนขายลดเสี่ยง หลังกำไรไตรมาสแรกออกมาต่ำคาด ฟากโบรกปรับประมาณการณ์แนวโน้มกำไรปี 66 ลดลง 13-18% เป็น 7-7.3 พันล้านบาท พร้อมปรับราคาเหมาะสมในช่วงสิ้นปี 66 เหลือ 9.50-9.70 บาท/หุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 พ.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 8.55 บาท ลบ 0.25 บาท หรือลบไป 2.86% สูงสุดที่ระดับ 8.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.45 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 814.81 ล้านบาท ปรับตัวลดลงนิวโลว์รอบ 9 เดือน

สำหรับราคาหุ้น LH ปรับตัวลงสะท้อนต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 ออกมาผิดหวัง โดยรายได้อยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท หากเปรียบไตรมาสก่อนหน้าลดลง 32.3% และเทียบกับช่วงของปีก่อนลดลง 12.4% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท หากเปรียบไตรมาสก่อนหน้าลดลง 32.1% และเทียบกับช่วงของปีก่อนลดลง 29.9% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ถึง 11%  เนื่องจากสินค้าคงคลังพร้อมขายปรับตัวลดลงจาก 5.6 หมื่นล้านบาท เป็น 5.3 หมื่นล้าน อีกปัจจัยหนึ่งคือต้นทุนของโครงการคงที่ เช่น ค่าที่พักคนงานและค่าซ่อมแซมสินค้าและที่ดินนั้นไม่ได้แปรผันไปตามรายได้ จึงทำให้กำไรถูกปรับตัวลง

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นลบต่อทั้ง (1) กำไรปกติไตรมาส 1/66 ที่คิดเป็นเพียง 17.5% เมื่อเทียบกับประมาณการทั้งปีของฝ่ายวิจัยที่ 8.3 พันล้านบาท  (2) แนวโน้มยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ประเมินเบื้องต้นคาดจะเร่งตัวขึ้นเล็กน้อยราว 5-10% จากไตรมาสก่อน ในไตรมาส 2/66 แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสในปี 2564-65 ที่ 7.4 พันล้านบาท อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดยังทรงตัวในระดับต่ำไปจนถึงช่วงไตรมาส 3/66 เป็นอย่างน้อย และ (3) ยอด Presale คาดต้องรอการฟื้นตัวไปยังช่วงไตรมาส 3/66 ตามแผนการเปิดตัวที่จะเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการสมมติฐานและประมาณการกำไรปี 2566/67 แม้คาดได้กำไรปี 2566 จะได้แรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของธุรกิจร่วมค้า เช่น HMPRO และ LHFG แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้กำไรปกติไปถึง 8 พันล้านบาทได้ จากการคาดการณ์ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงประมาณ 13-18% เป็น 7.0-7.3 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเหมาะสมใหม่ ณ สิ้นปี 2566 นี้ อยู่ในช่วง 9.50-9.70 บาท/หุ้น โดยคิดเป็น Upside gain ต่อราคาปัจจุบันเพียง 7.3-10.2% จึงแนะนำให้พิจารณาเข้าลงทุนอีกครั้งใกล้ช่วงประกาศผลการดำเนินงานช่วง ไตรมาส 3/66

Back to top button