3 หุ้น “ตระกูลป.” วิ่งคึก หลัง WTI ดีดแรง 3% รับข่าวเจรจา “เพดานหนี้” คืบ
3 หุ้นตระกูลป. “PTTEP-PTT-PTTGC” ปรับตัวขึ้นแรง ขานรับราคาน้ำมันดิบบวกเฉียด 3% หลังมีความชัดเจนเรื่องเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ภายในสัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 พ.ค.66) ณ เวลา 10:05 น. ราคาหุ้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ที่ระดับ 148.50 บาท บวก 4 บาท หรือ 2.77% สูงสุดที่ระดับ 149 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 146.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 265.01 ล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อยู่ที่ระดับ 32 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.79% สูงสุดที่ระดับ 32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 31.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34 ล้านบาท
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC อยู่ที่ระดับ 37.75 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.72% สูงสุดที่ระดับ 37.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 37.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 72.39 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งในวันพุธ (17 พ.ค.) ขานรับความหวังที่ว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 1.97 ดอลลาร์ หรือ 2.78% ปิดที่ 72.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 2.05 ดอลลาร์ หรือ 2.74% ปิดที่ 76.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ด้านนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้และภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เห็นพ้องกันว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันอาทิตย์นี้ (21 พ.ค.) โดยปธน.ไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “เราจะร่วมมือกัน เพราะไม่มีทางเลือกอื่น โดยแกนนำของสภาคองเกรสต่างตกลงกันว่า สหรัฐจะไม่ผิดนัดชำระหนี้
ขณะเดียวกันเมื่อผู้สื่อข่าวถามนายแมคคาร์ธีว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ขณะที่ปธน.ไบเดนเดินทางกลับจากญี่ปุ่นในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งนายแมคคาร์ธีกล่าวว่า “เป็นไปได้”
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่าอุปทานราว 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยอุปสงค์น้ำมันจากจีนครองสัดส่วนราว 60% ของความต้องการใช้น้ำมันในปี 2566
ทั้งนี้ การคาดการณ์อุปสงค์ที่แข็งแกร่งของ IEA และความคืบหน้าในการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.5 ล้านบาร์เรล