6 หุ้นแบงก์วิ่ง! รับดอกเบี้ยขาขึ้น-เก็งงบ Q2 โตต่อ โบรกชู BBL-KTB ท็อปพิก

6 หุ้นแบงก์บวก ตอบรับดอกเบี้ยขาขึ้น พ่วงเก็งงบไตรมาส 2/66 โตต่อเนื่อง อานิสงส์สินเชื่อพุ่ง คาดดันกำไรปีนี้แตะ 1.9 แสนล้าน โบรกชู BBL-KTB ท็อปพิกกลุ่ม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 พ.ค.66) ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวขึ้นแรง นำโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ณ เวลา 11:00 น. อยู่ที่ระดับ 19.20 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.67% สูงสุดที่ระดับ 19.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ณ เวลา 11:01 น. อยู่ที่ระดับ 134.50 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 1.13% สูงสุดที่ระดับ 134.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 131.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  981.17 ล้านบาท

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ณ เวลา 11:03 น. อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 3.33% สูงสุดที่ระดับ 1.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  481.07 ล้านบาท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 11:04 น. อยู่ที่ระดับ 103.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.98% สูงสุดที่ระดับ 103.50บาท ต่ำสุดที่ระดับ 101.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  380.63 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ณ เวลา 11:05 น. อยู่ที่ระดับ  160.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.63% สูงสุดที่ระดับ 161.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 159.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย  270.57 ล้านบาท

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ณ เวลา 11:24 น. อยู่ที่ระดับ 28.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 1.77% สูงสุดที่ระดับ 28.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.07 ล้านบาท

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(23 พ.ค.66) ว่า มีมุมมอง Neutral ต่อการลดลงเล็กน้อยของสินเชื่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 66 ซึ่งคาดว่าช่วงที่เหลือของปี 66 สินเชื่อจะกลับมาขยายตัว ดังนั้นภาพรวมสินเชื่อในปี 66 ยังคาดขยายตัวต่อเนื่องที่ +3.8% เทียบช่วงเดียวกันของก่อนจากปี 65 ที่ 2.5% เทียบช่วงเดียวกันของก่อนโดยคาดกำไรสุทธิในปี 66  ที่ 1.89 แสนล้านบาท เติบโต 14% เทียบช่วงเดียวกันของก่อนเราให้น้ำหนักการเติบโตมาจากรายได้รวม รวมถึง ROE คาดขึ้นมาที่ 8.6% สูงกว่าปี 65 ที่ 7.8%

ทั้งนี้คงน้ำหนักการลงทุน Bullish สำหรับกลุ่มธนาคาร เพราะ 1.) กลุ่มธนาคารขนาดกลาง-ใหญ่ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น 2.) การเติบโตของสินเชื่อรวม จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น และการขยายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ ผลักดันให้กำไรสุทธิปี 66 เติบโตต่อเนื่อง 14%  เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึง ROE คาดขึ้นมาที่ 8.6% โดย BBL แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 200 บาท และ KTB แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 24 บาท เป็น Top Pick

ด้านบล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ว่า ประเมิน SET แกว่งตัว 1,520 – 1,540 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากการเซ็น MOU จัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมออกมาในเชิงบวก อย่างไรก็ตามความกังวลสหรัฐผิดนัดชำระหนี้หากไม่สามารถเจรจาเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันวันที่ 1 มิ.ย. อีกทั้งความเห็นคณะกรรม FED ส่วนใหญ่ยังหนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อจะกดดันต่อทิศทาง Fund flow และภาวะตลาดให้สลับอ่อนตัวลง โดยกลยุทธ์การลงทุน: Selvectie buy กลุ่มแบงก์ อาทิ BBL, KTB, TTB, KBANK และ SCB แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 ยังคงเติบโต

ขณะเดียวกันข้อมูลจาก Fed Watch Tool ของ CME Group ล่าสุด บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 36.7% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ หลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้น้ำหนักเพียง 10.7%

โดยทิศทางคาดการณ์ที่เปลี่ยนไปนั้น มีขึ้นหลังจากที่เจข้าหน้าที่เฟดหลายราย ออกมาสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยต่อไป เพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมถึง นางลอรี โลแกน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ที่ออกมาระบุว่าข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดไม่ได้สนับสนุนให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

ขณะที่ นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา คาดว่า เฟดจะไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้เนื่องจากเงินเฟ้อมีแนโน้มที่จะปรับตัวอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

“นโยบายที่หมาะสมคือการเฝ้ารอเพื่อดูว่าเศษฐกิจได้ชะลอตัวมากน้อยเพียงใดจากการดำเนินนโยบายของเรา”

เขาบอกด้วยว่า แม้การชะลอตัวของเงินฟ้อในช่วงที่ผ่านมาถือว่าน่าพึงพอใจ แต่เขายังสนับสนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป มากกว่าที่จะลดดอกเบี้ย

ส่วนนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยต่อไป หากเงินเฟ้อไม่ปรับตัวลงมา

Back to top button