“ก้าวไกล” ลั่นไม่ยอมยกตำแหน่ง “ปธ.สภาฯ” จำเป็นไว้ขับเคลื่อนกฎหมาย
โฆษกพรรคก้าวไกล ย้ำชัดตำแหน่ง ปธ.สภาฯ ต้องมาจากพรรคที่ได้คะแนนมากสุด ยืนยันเป็นตำแหน่งสำคัญที่ต้องเอาไว้ขับเคลื่อนกฎหมาย
นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องมาจากพรรคก้าวไกลที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 ว่า ความเห็นของนายปิยบุตร เหมือนกับที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคฯ ได้เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตำแหน่งที่พรรคก้าวไกล อยากรักษาประเพณีที่เคยทำกันมา
ทั้งนี้ในอดีตหากไม่นับรวมเมื่อปี 2562 จะพบว่าพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 จะขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย เพื่อผลักดันกฎหมายต่างๆ ดังนั้นพรรคก้าวไกลยืนยันว่า ตำแหน่งดังกล่าว พรรคก้าวไกลต้องขอเอาไว้เอง
นายรังสิมันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นพรรคก้าวไกลได้ประกาศมาหลายครั้ง และยืนยันในเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่วนจะมีการหารือกับพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่นั้น ต้องไปถามจากเลขาธิการพรรคก้าวไกล เพราะเป็นผู้ดูแลการเจรจาในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะตอบคำถามได้ดีที่สุด
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคก้าวไกล เตรียมวางตัวนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เป็นผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในรายละเอียดทางพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯ และคิดว่าขณะนี้ยังพอมีเวลาที่จะพูดคุยกันในพรรค เพื่อหาผู้ที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้
ล่าสุด พรรคก้าวไกล ได้เปิดเผยวาระที่ต้องผลักดัน ผ่านฐานะ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านเฟซบุ๊กของพรรค โดยระบุว่า 3 วาระที่พรรคก้าวไกลต้องการผลักดันในฐานะ “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ได้แก่ วาระแรก: เพื่อผลักดันกฎหมายที่ก้าวหน้า เพราะตลอด 4 ปี ของสภาผู้แทนราษฎรภายใต้รัฐบาลประยุทธ์ 2 มีกฎหมายถูกเสนอเข้าสู่สภามากกว่า 478 ฉบับ แต่มีกฎหมายที่ผ่านสภาไปเพียงแค่ 78 ฉบับ เท่านั้น
วาระที่สอง: เพื่อผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเดินหน้าอย่างราบรื่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นวาระสำคัญ และถูกระบุไว้ใน MOU ของพรรคร่วมรัฐบาล การทำภารกิจนี้ให้ลุล่วง จะต้องผ่านการประชุมสภาหลายครั้ง และจะมีการอภิปรายอย่างกว้างขวางในเนื้อหาที่มีความแหลมคม จำเป็นอย่างยิ่งที่ประธานสภาต้องมีเจตจำนงแน่วแน่ในการอำนวยการประชุมให้เดินหน้าไปอย่างราบรื่น เป็นที่ยอมรับของสมาชิกสภาทุกฝ่าย และนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้
วาระที่สาม: ก้าวไกลจะผลักดันหลักการ “รัฐสภาโปร่งใส” และ “ประชาชนมีส่วนร่วม” ให้เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย เพื่อประโยชน์ของประชาชนในการมีส่วนร่วมและตรวจสอบกระบวนการนิติบัญญัติ โดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุด