“กรภัทร” ชี้ตั้งรัฐบาลได้เร็ว เร่งตลาดหุ้นฟื้น แนะเก็บ CPF-HANA-TOA

“กรภัทร” แนะนำหุ้น 3 ตัวหลักที่น่าลงทุน CPF, HANA, TOA เผยถึงการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกลและเพื่อไทยว่าสามารถผลักดันภาพรวมของตลาดหุ้นให้มีภาพบวกได้เร็ว


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวในรายการสด “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ณ วันที่ 25 พ.ค. 66 ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังคงจับตาในเรื่องของเพดานหนี้ของสหรัฐอเมริกา ถ้าหากยังเจรจาไม่ได้จะส่งผลกระทบทั่วโลก ถ้าหากมองในมุม Debt ceiling จะเห็นภาพของมูลหนี้ของตัวตราสารหนี้ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเองนั้นมีมูลค่า 24.3 ล้านล้านเหรียญ โดยเพิ่มขึ้นมาจากปี 2564 เป็นจำนวน 9.8 ล้านล้านเหรียญ คิดเป็นร้อยละประมาณ 2.4-2.5 เท่า ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนที่เยอะ

ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหนึ่งก็คือคนถือครองไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือธุรกิจในสหรัฐอเมริกาโดยรวม จำนวน 72% ถ้าเทียบกับปี 2564 นั้น สหรัฐถือครองประมาณ 60% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนอเมริกันนั้นถือครองกันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ และคนต่างชาติถือครองในสัดส่วนที่น้อยลง แสดงให้เห็นว่าถ้าเกิดความเสียหายขึ้นมา ทางสหรัฐจะเสียหายมากที่สุด เพราะฉะนั้นในเรื่องของการเจรจาต่อรองของรัฐสภาเองนั้นต้องยอมประนีประนอมเพื่อที่จะให้เหตุการณ์นี้ผ่านไปได้ โดยถ้าหากผ่านพ้นไปไม่ได้ จะเป็นเรื่องใหญ่ของสหรัฐมาก

ส่วนกรณีเรื่องของการปรับลด Outlook Credit Rating ซึ่งหากดูการปรับลดเครดิตของทางสหรัฐเองในส่วนของ Outlook ในช่วงปี 2554 หรือในช่วงปี 2556 เวลามีการเจรจาเพดานหนี้ การปรับหุ้นสหรัฐ Outlook  ไม่ค่อยปรับตัวลดลงเท่าไหร่นัก กล่าวคือ ปรับตัวลดลงวันเดียวแล้วก็เด้งกลับขึ้นมาเช่นเดิม คือไม่ได้น้ำหนักมากเท่ากับการลด Credit Rating จริง  ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองนั้นส่วนใหญ่ไม่พบเลย สามารถบวกส่วนได้ในเชิงสถิติ หากมองเป็นภาพแบบนี้ นายกรภัทรจึงมองว่าถ้าตลาดลงเพราะเรื่องนี้น่าจะเป็นโอกาสมากกว่า เพราะเชื่อว่าในท้ายที่สุดนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถเจรจากันได้ในเรื่อง Credit Rating

ดังนั้นประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ให้แนวรับอยู่ที่ระดับ 1,526-1,522 จุด น่าจะพอรับได้อยู่ ส่วนแนวต้านที่ระดับ 1,548-1,555 จุด

ขณะที่หุ้นกลุ่มที่โดดเด่นเป็นพิเศษในวันนี้คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในระยะสั้น ๆ  พร้อมกับจะได้ประโยชน์ในเรื่องของไข้หวัดนกในประเทศบราซิล ทำให้เห็นว่าราคาหมวดหมู่เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ นั้นมีการดีดตัวขึ้นมา ขณะที่สัญญาณเทคนิคให้แนวต้านอยู่ที่ 20.30 บาท  ถ้าผ่านไปได้จะอยู่ที่ 20.50-21 บาท แนวรับอยู่ที่ 19.50 บาทไม่เกินจุดนี้

ต่อมาเป็นหุ้น บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA เนื่องจากค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้นเช่นเดียวกัน อีกทั้งอุตสาหกรรมของ Semiconductor ใกล้ ๆ เป็น Bottom out แล้ว เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีในส่วนของเอเชียแล้ว และเมื่อวาน NVIDIA Report Earnings นั้นมีผลลัพธ์ออกมาดีมาก คิดว่าตัว HANA นั้นจะเริ่มฟื้นตัว  ขณะที่สัญญาณเทคนิคให้แนวต้านอยู่ที่ 42.25 -45 บาท แนวรับอยู่ที่ 40-39.50 บาท

นอกจากนี้ยังมีหุ้นได้รับผลประโยชน์จากเวียดนามที่มีการลดอัตราดอกเบี้ย กระตุ้นเศรษฐกิจ คือ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ในเวียดนามประมาณ 10% ขณะที่อีกเรื่องหนึ่งคือในตอนนี้ TOA เริ่มทำ Record High อย่างต่อเนื่อง และเรื่องทุนมีสัญญาณที่จะลดลงเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นคิดว่าในเรื่องของกำไรจะสามารถดีขึ้นได้ตามลำดับ ต้องคอยติดตามกันต่อไปในเรื่องของหุ้น TOA ขณะที่สัญญาณเทคนิคให้แนวต้านอยู่ที่ 31.20 บาท  ส่วนแนวรับอยู่ที่ 29.50-28.75 บาท

นายกรภัทรกล่าวอีกว่า ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศนั้นที่น่าเป็นกังวล คือ เรื่องพัฒนาการทางการเมือง เรื่องการมีข้อพิพาทกันบ้างของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยคิดว่าเป็นปกติ เพราะว่าอยู่ในช่วงของการเจรจากันในแต่ละตำแหน่ง เพราะฉะนั้นเราจะเห็นภาพที่ไม่ตรงกันบ้าง และคาดว่าในท้ายที่สุดเอง การจัดตั้งรัฐบาลจะไม่โดนเลื่อนออกไป เพียงแต่ว่าเราจะต้องติดตามกันต่อไปว่าใครจะเป็นผู้นำในเฟด 1 เฟด 2 เท่านั้นเองเนื่องจากมีผลต่อนโนบายของการลงทุน ส่วนอีกเรื่องคือให้ตามเรื่องการให้คะแนนเสียง ว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นไหม ถ้ามีมากขึ้น จะส่งผลให้หุ้นค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมา

พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า ตลาดหลักทรัพย์จะมองแนวโน้มว่าใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน และนโยบายได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนหรือเปล่า ตลาดมองตรงนี้เป็นโจทย์หลักมากกว่า แต่โดยภาพรวมนั้นตลาดเองจะไม่ได้สนใจมากว่าใครจะเป็นนายก แต่พรรคเบอร์ 1 และเบอร์ 2 ณ ตอนนี้ ตลาดหลักทรัพย์จะสามารถมองเป็นภาพบวกได้

Back to top button