TOA ปิดบวก 4% เก็งงบ Q2 โตต่อ โบรกแนะซื้อเป้า 40 บาท อัพไซด์สูง 28%
TOA ปิดบวก 4% เก็งงบไตรมาส 2/66 โตต่อ รับเศรษฐกิจฟื้นตัว-ต้นทุนผ่านจุดสูงสุดแล้ว โบรกแนะซื้อเป้า 40 บาท อัพไซด์สูง 28%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(25 พ.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 31.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.17% ราคาสูงสุด 31.25 บาท ราคาต่ำสุด 30.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 82.68 ล้านบาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TOA คาดผลงานไตรมาส 2/66 กำไรจะยังดูดีและโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการที่น้อยลงในช่วงเทศกาล ต้นทุนน่าจะผ่านจุดสูงสุดในไตรมาวส 3/65 ไปแล้ว เพราะฉะนั้นกำไรขั้นต้นจะคงอยู่ในระดับสูง ยังคงยืนยันมุมมองของเราว่ายอดขายที่โตอย่างมีประสิทธิภาพท่ามกลางการพัฒนาของเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของกำไรขั้นต้นจากต้นทุนที่ลดลงจะเป็นตัวนำ 57.8% ผลประกอบการโตสำหรับปี 66 แนะนำซื้อราคาเป้าหมายที่ 40 บาท ส่งผลให้มีอัพไซด์ 37%
อนึ่งนายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นเงิน 5,654 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 14% ซึ่งมาจากการเติบโตของทุกช่องทางการขายภายในประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสีทาอาคาร ที่มาจากปริมาณความต้องการใช้สีที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสุดแกร่งด้วยตัวเลขสองหลัก เสริมด้วยรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และยิปซั่มบอร์ดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2566 ยังสูงถึง 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 54% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ มีการปรับลดราคาลง และค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นของบริษัท
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการชะลอตัวของการส่งออก ยังคงเป็นปัจจัยความเสี่ยงต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจไทยอีกด้วย”
“ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร การดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ TOA สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจและเติบโตอย่างมั่นคง” นายจตุภัทร์ กล่าว