ดอลล์แข็งค่าฉุดราคาทองคำปิดลบ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 ธ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 4.5 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิด (10 ธ.ค.) ที่ระดับ 1,072 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 7.9 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 14.11 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบม.ค.ลดลง 9.9 ดอลลาร์ หรือ 1.14% ปิดที่ 855.90 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 10.10 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 542.25 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยการแข็งค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นนั้น มาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับต่ำใกล้เคียง 0% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะนับเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
สำหรับข้อมูลที่นักลงทุนให้ความสนใจนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า ทองคำสำรองของจีน ณ สิ้นเดือนพ.ย.อยู่ที่ 56.05 ล้านออนซ์ (ราว 1,743 ตัน) เพิ่มขึ้น 670,000 ออนซ์ (ราว 21 ตัน) จาก ณ สิ้นเดือนต.ค.
นายหลี่ หลิวหยาง หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านตลาดการเงินจากแบงก์ ออฟ โตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ กล่าวว่า การที่ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มทองคำสำรองและปรับลดการถือครองสกุลเงินดอลลารสหรัฐนั้น เพราะต้องการให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนสามารถเคลื่อนไหวอย่างเป็นอิสระมากขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และจะสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเสถียรภาพของมูลค่าของเงินหยวน
ขณะที่นักลงทุนต่างจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน