TKN บวก 3% แย้ม Q2 แจ่ม! รับนักท่องเที่ยวแห่เข้าไทย มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 15%

TKN บวก 3% ส่งสัญญาณไตรมาส 2/66 เติบโต หลังนักท่องเที่ยวแห่เข้าไทย มั่นใจหนุนรายได้รวมปีนี้เข้าเป้า 15%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ล่าสุด ณ เวลา 10:26 น. อยู่ที่ระดับ 11.50 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.68% สูงสุดที่ระดับ 11.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ  11.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85.28 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  TKN เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทเชื่อว่าจะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากโมเมนตัม (Momentum) และความมั่นใจ (Sentiment) ที่ดีอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้มากขึ้น

ขณะที่ในปี 2566 บริษัทมั่นใจรายได้จากการขายจะเติบโตที่ระดับ 15% โดยในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นดังนี้ 1.ปรับปรุงในส่วนของ Product mix ของธุรกิจหลักสาหร่ายในหลาย ๆ ประเทศ เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น หนุนธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งขึ้นอีก 2.ตั้งเป้ารายได้จากช่องทางการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ทั้งรายได้และกำไร 3.ยกระดับการผลิตในรูปแบบ Automation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงการปรับปรุงสายการผลิต เพื่อยกระดับให้มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คาดว่าจะเห็นภาพเชิงบวกได้ในไตรมาส 4/2566 หรือปี 2567,

4.เร่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสาหร่ายในประเทศ และเพิ่มการกระจายสินค้าในช่องทางร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ผ่านตัวแทนจำหน่ายท้องถิ่นกว่า 14 รายทั่วประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ เร่งเพิ่มอัตราการเติบโตในตลาดสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น รวมถึงมุ่งเน้นการเพิ่มสินค้าใหม่และทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค 5.สร้างการเติบโตของธุรกิจเถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไซส์ และกลับมาเปิดร้าน “เถ้าแก่น้อยแลนด์” ปีนี้ จำนวน 5 สาขา รองรับการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยว รวมถึงขยายธุรกิจ QSR (Quick Service Restaurant : ร้านอาหารบริการด่วน) และ 6.มุ่งสร้างแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” มากขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62.78 ล้านบาท เนื่องจากการมุ่งเน้นการบริหารการพัฒนาความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้น ด้วยการบริหารต้นทุนโดยรวม ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายผันแปรให้ลดลง และค่าใช้จ่ายคงที่ให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) จากการเพิ่มขึ้นของยอดขาย

อีกทั้ง ยังบริหารค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร เพื่อเพิ่มกำไรสุทธิต่อยอดขายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับสิทธิประโยชน์จากการเปิดบัตรส่งเสริมการลงทุนบัตร 2 ทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีส่วนใหญ่จากกำไรที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่รายได้จากการขายในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 1,243.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 968.2 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากตลาดในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายที่ 38% มีการเติบโตทุก ๆ ช่องทาง ขณะที่การเติบโตของตลาดต่างประเทศ โดยมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 62% เติบโตเช่นกัน เช่น ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Back to top button