PTTGC วิ่ง 3% จับตาครึ่งปีหลังกำไรฟื้น โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 43 บาท

PTTGC บวก 3% โบรกฯ ชี้มีสัญญาณการฟื้นตัวจากกำไรช่วงครึ่งหลังปีนี้ หนุนราคาหุ้นและเป็นจุดเข้าซื้อที่ดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” เป้าหมาย 43 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 มิ.ย.66) ราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ณ เวลา 15:41 น. อยู่ที่ระดับ 36.50 บาท บวก 1 บาท หรือ 2.82% สูงสุดที่ระดับ 36.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 35.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 391.45 ล้านบาท

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจุบันราคาหุ้น PTTGC ที่ลดลง ล่าสุดสะท้อนความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยไปแล้ว โดยมองว่ามูลค่าหุ้นที่ไม่แพงและการฟื้นตัวของกําไรในครึ่งหลังของปี 2566 ถึงปี 2567 ยังคงสดใสอยู่ ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของอุปสงค์จากจีนที่จะมาช่วยหนุนการฟื้นตัวของอัตรากําไรทั้งในธุรกิจโพลีเมอร์และโรงกลั่นฯ ขึ้นได้ จะช่วยหนุนราคาหุ้นขึ้นและเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีสําหรับนักลงทุนระยะยาว จึงได้เพิ่มคําแนะนําจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน  43 บาท

ทั้งนี้ แม้ว่าผลงานที่ไม่สู้ดีในธุรกิจต้นนํ้า ทําให้ภาพรวมไตรมาส 2/2566 ไม่สดใส คาดค่าการกลั่นลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามส่วนต่างราคานํ้ามันชนิดกลางที่ลดลง (ดีเซลเชื้อเพลิงอากาศยาน) ฉุดจากการส่งออกจากรัสเซียและจีนที่สูงขึ้น แม้สัญญาณการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาปิโตรเคมี (หลัก ๆ คือโพลีเมอร์) ชัดเจนขึ้นในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจะกดดันส่วนต่างราคาต่อเนื่องในไตรมาส  2/2566 แต่มองว่าจะผ่านพ้นช่วงที่แย่ที่สุดไปได้ภายในไตรมาสนี้ เพราะอุปสงค์จากจีนที่ฟื้นตัวจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาทั้งในธุรกิจโพลีเมอร์และโรงกลั่นขึ้นภายในครึ่งหลังปี 2566 จึงมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาพรวมปี 2567-2568 หนุนจากการเติบโตของอุปสงค์ต่อโพลีเมอร์ (PE, PP) ที่คาดว่าจะมีปริมาณสูงกว่ากําลังการผลิตใหม่ทั่วโลกภายในปี 2567

นายจิตศักดิ์ สุนทรพันธุ์ ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ PTTGC กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 คาดว่า จะมีรายได้ที่เติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 687,899 ล้านบาท โดยมองว่าธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันยังคงเป็นธุรกิจที่ทำกำไรที่ดีในปีนี้ เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงน้อยลง ซึ่งในไตรมาส 1/2566 เดินเครื่องกลั่นอยู่ที่ 104% รวมทั้งปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะค่อย ๆ ฟื้นตัว นอกจากนี้บริษัทเร่งปรับตัว ด้วยการลดต้นทุนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้วัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้น

สำหรับความคืบหน้าโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project) หรือ OMP จะทำให้บริษัทสามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับปรุงอื่น ๆ ของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาส 2/2566 พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVP) เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 36% เพิ่มเป็น 56% ภายในปี 2573

 

 

Back to top button