TSE บวกแรง 7% เก็ง Q2 โตเด่น! รับบุ๊กรายได้โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 133 MW โบรกแนะซื้อเป้า 3.18 บ.

TSE บวกแรง 7% เก็งไตรมาส 2/66 โตเด่น! รับบุ๊กรายได้โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 133 MW ลุ้นดันรายได้ทั้งปี 66 พุ่งแตะ 3 พันล้านบาท โบรกแนะซื้อเป้า 3.18 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(8 มิ.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ณ เวลา 11:27น. อยู่ที่ระดับ 2.56 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 7.56% ราคาหุ้นสูงสุด 2.58 บาท ราคาหุ้นต่ำสุด 2.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 21.45 ล้านบาท ราคาหุ้นนิวไฮในรอบ 3 เดือน โดยนับตั้งแต่หุ้นที่ระดับ 2.56 บาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ.66

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(8 มิ.ย.66) ว่า TSE แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย IAA Consensus 3.18 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เติบโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้กำไร Solar Farm Onikoube ในญี่ปุ่น กำลังการผลิตตาม PPA ขนาด 133 MW เริ่ม COD แล้วในช่วงตนเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนแนวโน้มในครึ่งหลังปี 66 จะไม่มีโรงไฟฟ้าใหม่เริ่ม COD เพิ่มเติม แต่มองการเข้าซื้อกิจการ (M8A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่ม

โดยวางเป้ารายได้ปีนี้แตะ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อน 1,974 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการตามสุดส่วน Equity Capacity ขนาด254 MW มีโครงการใหม่จาก RE Proposal ในไทยที่ชนะปูระมูลรอบล่าสุด (รอเซ็น PPA จำนวน 7 โครงการ 88.7 MW และยังเตรียมเข้าประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ภายในเดือนมิ.ย.- ก.ค.นี้ คาดหวังได้กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 150 MW รวมแล้วจะทำให้บริษัทฯ เข้าใกล้เป้าหมายกำลังการผลิตรวมเติบุโตเป็น 500 Mw ภายใน 5-7 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66 อยู่ที่ 814 ล้านบาท โต 12% แต่ในปี 67 กำไรจะเหลือ 653 ล้านบาท ลดลง 20%เทียบช่วงเดียวกันของปก่อน เนื่องจาก Adder โครงการ Solar ในไทยทยอยหมดลง

โดยก่อนหน้านี้ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TSE คาดการณ์ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2566 จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โอนิโกเบ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จังหวัด มิยางิ ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตติดตั้งเสนอขาย 133 เมกะวัตต์ ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ ประเมินว่าโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ เพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯคาดการณ์รายได้รวมในปีนี้ (รวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้า) จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขยับขึ้นไปแตะระดับ 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,974 ล้านบาท

โดยปัจจุบัน TSE มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศไทย รวมทั้งหมด 35 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 286.2 เมกะวัตต์ เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว (COD) แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ ขนาดกำลังการผลิตรวม 153.2 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตรวม 133 เมกะวัตต์

ดร.แคทลีน กล่าวอีกว่า บริษัทฯมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รอบ 2 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.  โดยตั้งเป้าจะได้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 150 เมกะวัตต์  หลังจากมีรายงานข่าวว่า กกพ. ยืนยันการเปิดรับซื้อไฟฟ้าสีเขียว เฟส 2 ประมาณ 3,668 เมกะวัตต์ และการรับซื้อไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ ตามแผนงานที่วางไว้

“ภายใน 7 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้ามีกำลังการผลิตรวม ประมาณ 500 เมกะวัตต์  โดยมองโอกาสการเติบโตจากในประเทศ ทั้งการจัดหาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ภายใต้แผนพีดีพี, การขยายการลงทุนหรือร่วมลงทุนโซลาร์ฟาร์ม, การเข้าซื้อกิจการโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย รวมถึงโครงการการเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน ขณะที่การเติบโตในต่างประเทศยังมองหาโอกาสในโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานลมและโซลาร์ฟาร์ม เพื่อสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้เราได้เริ่มศึกษาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้านการดูแลรักษาสุขภาพและความงามอย่างครบวงจร  โดยการสร้างเครือข่ายทางการแพทย์เริ่มตั้งแต่การให้กำเนิดบุตร การป้องกัน การดูแลรักษา และการฟื้นฟู ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งในไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการสร้างรายได้ในอนาคตและเติบโตอย่างยั่งยื่นในระยะยาวต่อไป”  ดร.แคทลีน กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button