“สมชัย” มองมติ กกต.สอบ “พิธา” ใช้ม.151 ส่อเป็นข้ออ้าง ส.ว.ไม่โหวตนั่งนายกฯ

'สมชัย' ชี้ มติ กกต.สั่งไต่สวน 'พิธา' ปมมาตรา 151 มีโทษทางอาญาจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และส่อกลายเป็นข้ออ้างให้ ส.ว.ไม่ยกมือให้เป็นนายกรัฐมนตรี


จากกรณีการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์ 6 เสียง ไม่รับคำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จากการถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) แต่ให้รับเรื่องไว้พิจารณาเป็นความปรากฏแก่ กกต.ว่าคำร้องดังกล่าวมีรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและพฤติการณ์และมีหลักฐานพอสมควร และมีข้อมูลเพียงพอจะสืบสวนไต่สวนต่อไปว่า นายพิธาเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งและรู้อยู่แล้ว ว่าตัวเองไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

เนื่องจากมีลักษณะต้องห้าม แต่กลับสมัครรับเลือกตั้ง อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 42(3) และมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.จึงเห็นควรพิจารณาสั่งให้ดำเนินการไต่สวนเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏ โดยคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนที่ได้รับแต่งตั้งจะดำเนินการไต่สวนตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในระเบียบต่อไปนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2566 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า หวยออก 151 เป็นบวกหรือลบต่อพิธา โดยการยกคำร้องคดีถือหุ้น แต่กลับเตรียมดำเนินคดีอาญาฐานรู้ว่าขาดคุณสมบัติแต่ยังมาสมัคร ส.ส. ของพิธา นั้น เป็นบวกหรือลบ

  1. คดีอาญานั้น ต้องฟ้องศาลอาญา ซึ่งมีกระบวนการที่ยาวนาน เป็นปี และเป็นหลักประกันความยุติธรรมว่าต้องผิดจริงจึงถูกลงโทษ ไม่สามารถเอาผิดโดยง่าย แต่โทษรุนแรงกว่า เพราะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี และตัดสิทธิทางการเมืองถึง 20 ปี
  2. การที่ กกต. ฟ้องดำเนินคดีอาญา แม้ยังอยู่ในขั้นกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น แต่ก็เป็นวัตถุดิบเพียงพอ ต่อเหล่า ส.ว. ที่ตั้งใจไม่เลือกพิธาเป็นนายก ไม่ยกมือให้ โดยมีข้ออ้างแบบไม่ตะขิดตะขวงใจ
  3. การยกคำร้องคดีถือหุ้นสื่อ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ตายสนิท มีโอกาสฟื้นโดย ใช้ ส.ส. 50 คน หรือ ส.ว. 25 คน หรือยื่นโดย กกต.เองในฐานะความปรากฏ หลังจากการรับรอง ส.ส. โดยใช้สิทธิ ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ
  4. อาวุธหนักต่าง ๆ กำลังลำเลียงสู่สมรภูมิสนามรบ และไม่จบแค่ ปืนต่อสู้อากาศยาน 151 แต่แพ้ชนะกลับอยู่ที่ฝ่ายเสนาธิการผู้วางแผน

อนึ่ง ตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่า หากมีบุคคลฝ่าฝืนมาตรา 151 ต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นกำหนด 20 ปี

 

 

 

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ นายสมชัย  ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กกต. ไม่รับคำร้องหุ้นสื่อของ 3 นักร้อง แต่รับไว้เองในฐานะความปรากฏ เพื่อดำเนินคดี ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ส.ส.

  1. ไม่รับคำร้องของผู้ร้อง แต่รับเป็นความปรากฏ แปลว่า กกต.รับเป็นเจ้าภาพเอง
  2. ดำเนินคดีอาญา ม. 151 คือ หาก กกต. พบว่า พิธา สมัครโดยขาดคุณสมบัติ กกต. แจ้งความดำเนินคดีผ่าน ตำรวจ อัยการ ไปศาลอาญาได้เลย ไม่ต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญ โทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท ตัดสิทธิการเมือง 20 ปี
  3. การร้องคดีถือหุ้นสื่อยังร้องได้หลังมีการรับรอง ส.ส.แล้ว ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ โดย ส.ส. 50 คน หรือ ส.ว. 25 คน หรือ กกต.ร้องเองในฐานะความปรากฏเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนการเป็น ส.ส. และตัดการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้อีกรอบ
  4. สรุป หนักกว่าเดิมครับ

 

 

Back to top button