XO บวกแรง 4% อัพเป้ารายได้ปีนี้โตเกิน 20% ออเดอร์มะกันทะลัก 150 ตู้
XO บวกแรง 4% ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้โตมากกว่า 20% หลังออเดอร์ลูกค้าเก่า-ใหม่ทะลัก เดินหน้าขยายตลาดใหม่ “อเมริกา-แคนาดา-เม็กซิโก” ล่าสุดเซ็นสัญญากับผู้แทนขายสินค้าในอเมริกา คว้าออเดอร์ปีนี้โตกระโดด 150 ตู้คอนเทนเนอร์ ลั่นยอดขาย Q2 นิวไฮพุ่ง 500 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 มิ.ย.66) บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 11:20 น. อยู่ที่ระดับ 22.50 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 4.17% ราคาสูงสุด 22.90 บาท ราคาต่ำสุด21.70 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 53.35 ล้านบาท
โดยก่อนหน้านี้นายจิตติพร จันทรัช กรรมการ และกรรมการผู้จัดการ XO ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวหุ้นเจาะตลาด ทาง Kaohoon TV Online และสถานีวิทยุกระจายเสียง ขส.ทบ. FM 102 MHz ว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้จากการขายในปี 66 จะสามารถเติบโตมากกว่า 20% จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เติบโต 10% จากปี 2565 ที่มีรายได้จากการขาย 1,455 ล้านบาท และเชื่อว่าในปี 67 รายได้จากการขายจะเติบโตทะลุ 2,000 ล้านบาท จากการได้ลูกค้าเพิ่ม และการขยายฐานลูกค้าไปในตลาดใหม่ ๆ
โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้จากการขาย 394.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 347.75 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 96.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 95.16 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มในทวีปยุโรป รวมถึงการมีลูกค้าใหม่เข้ามา
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/66 จะมีโอกาสเห็นการเติบโตของรายได้จากการขายทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่ระดับทะลุ 500 ล้านบาทได้ (บริษัทเคยมีรายได้จากการขายเติบโตนิวไฮอยู่ที่ 450-460 ล้านบาท ในปี 2564) จากคำสั่งซื้อของลูกค้าเดิมที่กลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น ขณะที่มีลูกค้าใหม่ ๆ และตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาเช่นกัน โดยจากยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้จะทำให้เกิด Economies of Scale (การประหยัดต่อขนาด) และต้นทุนต่อหน่วยลดลง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นด้วย
“ในแง่ของการผลิต Supply Chain ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเรา วัตถุดิบหลักเรามีพริก น้ำตาล กระเทียม ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าน้ำตาลราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาเราจึงมีการฟิกซ์ไว้แค่ 6 เดือน แต่ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าเรามีออเดอร์เข้ามาเยอะขึ้น เราจึงฟิกซ์วัตถุดิบทั้งพริก น้ำตาล และกระเทียมไปถึงกลางปีหน้าแล้ว ซึ่งในไตรมาส 2/66 ยอดขายของเราเพิ่มขึ้น เราก็จะได้ Economies of Scale อีกด้วย” นายจิตติพร กล่าว
นายจิตติพร กล่าวอีกว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 65 บริษัทได้ผู้แทนจำหน่ายสินค้า (Distributor) รายใหม่ ที่จะขยายตลาดในอเมริกาเข้ามา ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 65 มียอดคำสั่งซื้อสินค้าของ XO จำนวน 20 ตู้คอนเทนเนอร์ บริษัทถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ล่าสุด Distributor รายดังกล่าวได้ขอเซ็นสัญญาเป็น Exclusive Partner เพื่อขยายตลาดในอเมริกา โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มียอดคำสั่งซื้อสินค้าแล้ว 50 ตู้คอนเทนเนอร์ เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีแนวโน้มการสั่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทคาดว่าภายในปี 2566 จะมีคำสั่งซื้อสินค้าจาก Distributor รายดังกล่าวประมาณ 150 ตู้คอนเทนเนอร์ (ซึ่งตามสัญญา Exclusive Partner จะต้องมีคำสั่งซื้อ 70 ตู้คอนเทนเนอร์ในปีนี้) ถือว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายตลาดไปในประเทศแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มียอดคำสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากปีก่อนที่ยังไม่มียอดขายจากตลาดดังกล่าว ดังนั้นบริษัทจึงเชื่อว่าในปี 2566 จะมีสัดส่วนรายได้จากอเมริกาและอเมริกาเหนือที่ประมาณ 10% ของยอดขายรวม หรือประมาณ 220 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากยอดขายในอเมริกาแล้ว 3-4% ขณะที่ในไตรมาส 2/66 คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 7-8%
“ในปีหน้าเราเชื่อว่า Distributor ในอเมริกาจะสั่งซื้อสินค้าของเราเพิ่มขึ้น เพราะหลังจากมีการประชุมร่วมกัน ทาง Distributor รายดังกล่าว บอกว่าตลาดยังไปได้อีกเยอะ ซึ่งปัจจุบันมีการกระจายสินค้าไปใน Traditional Trade (การค้าแบบดั้งเดิม) เท่านั้น แต่ในปีหน้าจะมีการขยายไปในห้างโมเดิร์นเทรดเพิ่ม ซึ่งจะมีการสั่งสินค้าเพิ่มขึ้นแน่นอน” นายจิตติพร กล่าว
ส่วนตลาดในทวีปยุโรป ในปี 65 ที่ผ่านมา ยอดขายลดลง เนื่องจากมีการเปิดประเทศ คนออกไปเที่ยวนอกบ้านมากขึ้น การ Cooking at Home (ทำอาหารที่บ้าน) น้อยลง แต่ในปี 66 ยอดขายฟื้นตัวดีขึ้น เห็นได้จากในช่วง 7 เดือนแรก เฉพาะประเทศอังกฤษ มีคำสั่งซื้อสินค้าของ XO เกือบเท่าปีก่อนทั้งปีแล้ว จึงเชื่อว่าทั้งปียอดคำสั่งซื้อจะเติบโตหลายสิบเปอร์เซ็นต์ได้
ด้านตลาดเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศหลักในการส่งออกของ XO มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น หลังจากมีการปรับเปลี่ยนฝ่ายขายใหม่ในทีมเดิม โดยเป็นการดึงคนรุ่นใหม่ (ที่มีอายุน้อย) เข้ามาเสริม อย่างไรก็ตามในปี 2566 บริษัทยังคงเดินหน้าขยายตลาดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทมีแผนออกงานแสดงสินค้าทั่วโลกรวม 24 งาน ซึ่งถือว่าเป็นการออกงานแสดงสินค้ามากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา