MEGA ดีดกลับ 4% หลังยันไร้ผลกระทบ สหรัฐคว่ำบาตร 2 แบงก์เมียนมา

MEGA ดีดกลับ 4% หลังยันไร้ผลกระทบ! สหรัฐคว่ำบาตร 2 แบงก์เมียนมา ฟากงบไตรมาส 2/66 จับตารายได้เพิ่มขึ้น เล็งคลอด 25 สินค้าใหม่ ปักธงปี 67 กำไรโต 2 เท่า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(23 มิ.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท เมก้า ไลพีไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ณ เวลา 10:45 น. อยู่ที่ระดับ 36.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.52% ราคาหุ้นสูงสุด 36.75 บาท ต่ำสุด 35.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 54.53 ล้านบาท ราคาหุ้นดีดกลับหลังวานนี้ปิดร่วง 7.79% มาอยู่ที่ระดับ 35.50 บาท

โดยวานนี้(22มิ.ย.66) MEGA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า จากกรณีข่าวการคว่ำบาตรธนาคารในประเทศเมียนมาร์ 2 แห่ง ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการบังคับใช้เฉพาะกับธนาคารสองแห่งเท่านั้น และบริษัทฯไม่ได้มีการดำเนินธุรกรรมใดๆกับธนาคารทั้งสองดังกล่าว บริษัทฯขอเรียนว่าธุรกิจของบริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากการคว่ำบาตรครั้งนี้

นอกจากนี้ค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ (USD),เงินบาทไทย และเงินหยวนจีน ยังได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเมียนมาร์ในการดำเนินธุรกรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ในปี 2566 บริษัทฯคาดว่าการดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ยังดำเนินการได้ตามปกติ

อนึ่งก่อนหน้านี้นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร MEGA เปิดเผยว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/2566 เนื่องจากเทรนด์การดูแลสุขภาพ และแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์ค่อนข้างหลากหลาย ตอบโจทย์ผู้บริโภค และอยู่ระหว่างการพัฒนาเพิ่มเติมอีก 152 รายการ ที่จะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2565 มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่แล้ว 39 รายการ และในปี 2566 จะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 25 รายการ ทั้งยา ยาสามัญ อาหารเสริม และอื่น ๆ

ดังนั้นบริษัทยังคงเป้าหมายผลการดำเนินงานทั้งปี 2566 จะมีกำไรและรายได้เติบโตตัวเลขหลักเดียวในระดับต่ำ (low single-digit) ถึงตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง (mid single digit) จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 15,760 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,240 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของธุรกิจหลัก และการทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 23 รายการ

ด้านธุรกิจในประเทศเทศเมียนมา บริษัทยืนยันว่าธุรกิจยังแข็งแกร่ง และจะไม่มีการยึดสินทรัพย์เป็นของรัฐบาลอย่างแน่นอน ส่วนประเทศเวียดนาม ดำเนินงานแผน และมองหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ PT Futamed Pharmaceuticals (FUTAMED) ประเทศอินโดนีเซีย หลังเข้าถือ 100% ได้เปลี่ยนเป็น PT Mega Lifesciences เรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อว่าการเข้าไปลงทุนจะช่วยให้เข้าถึงตลาดอินโดนีเซียได้มีประสิทธิภาพ และปัจจุบันผลิตภัณฑ์สามารถขึ้นทะเบียนได้แล้วหลายตัว เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกันมะเร็ง เป็นต้น พร้อมทั้งยังคงเป้าหมาย 7-8 ปีข้างหน้ามีโอกาสที่จะมีรายได้แตะ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่แผนลงทุนในช่วงปี 2566-2567 ประมาณ 340 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้สำหรับการก่อสร้างโรงงานในไทย และขยายกำลังการผลิต 137 ล้านบาท และลงทุนด้านความยั่งยืนเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) 43 ล้านบาท รวมถึงประเทศอินโดนีเซียจะก่อสร้างโรงงานผลิตยาในรูปแบบใหม่ คลังสินค้า และพัฒนาโรงงานผลิตยา ใช้เงินลงทุน 160 ล้านบาท และประเทศเวียดนาม กำลังมองหาโอกาสความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานผลิตยา 20 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายวิเวก กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานระยะยาวในปี 2567 จะผลักดันกำไรเติบโตเป็นสองเท่า หรือมีกำไรประมาณ 2,400-2,500 ล้านบาท จากปี 2562 อยู่ที่ 1,140 ล้านบาท ได้เร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ว่าภายในปี 2568 จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 2,242 ล้านบาทแล้ว เนื่องจากฐานรายได้ทุกประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุนมีการขยายตัวต่อเนื่อง 

Back to top button