หุ้นเจ้าสัววิ่งต่อ! ทิศทาง “นโยบาย” ก้าวไกลอาจสะดุด หากพิธา ไม่ผ่านด่าน ส.ว.

ผู้สื่อข่าวรายงาน (30 มิ.ย.66) สำหรับกลุ่มหุ้นที่ถูกแรงกดดันจากความกังวลการเมืองในช่วงก่อนหน้า นำโดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF อยู่ที่ระดับ 46.75 บาท บวก 2.00 บาท หรือ 4.47% สูงสุดที่ระดับ 47.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 46.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 767.32 ล้านบาท

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE อยู่ที่ระดับ 6.60 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 4.76% สูงสุดที่ระดับ 6.65 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.45 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 321.15 ล้านบาท

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC อยู่ที่ระดับ 215บาท บวก 4.00 บาท หรือ 1.90% สูงสุดที่ระดับ 215 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 211 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 514.55 ล้านบาท

บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM อยู่ที่ระดับ 10.80 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 1.89% สูงสุดที่ระดับ 11 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.03 ล้านบาท

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM อยู่ที่ระดับ 35.50 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 2.90% สูงสุดที่ระดับ 35.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 34.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 116.71 ล้านบาท

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC อยู่ที่ระดับ 54.50 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 2.35% สูงสุดที่ระดับ 55.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 54.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 252.87 ล้านบาท

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT อยู่ที่ระดับ 71.75 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 0.70% สูงสุดที่ระดับ 71.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 71.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 342.88 ล้านบาท

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC อยู่ที่ระดับ 4.46 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 2.76% สูงสุดที่ระดับ 4.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.42 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70.80 ล้านบาท

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI อยู่ที่ระดับ 1.93 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 4.32% สูงสุดที่ระดับ 1.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.89 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 406.93 ล้านบาท

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 อยู่ที่ระดับ 1.93 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 4.32% สูงสุดที่ระดับ 1.95 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.89 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 406.93 ล้านบาท

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC อยู่ที่ระดับ 8.95 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 3.47% สูงสุดที่ระดับ 9.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.55 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 79.43 ล้านบาท

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM อยู่ที่ระดับ 8.50 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.80% สูงสุดที่ระดับ 8.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 80.40 ล้านบาท

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS อยู่ที่ระดับ 8.50 บาท บวก 0.15 บาท หรือ 1.80% สูงสุดที่ระดับ 8.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 8.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 80.40 ล้านบาท

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK อยู่ที่ระดับ 19.60 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 4.81% สูงสุดที่ระดับ 19.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 92.52 ล้านบาท

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD อยู่ที่ระดับ 1.32 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 3.94% สูงสุดที่ระดับ 1.33 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.65 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่าในบทวิเคราะห์ (30 มิ.ย.66) ว่ามองบวกต่อการเมืองในประเทศมีสัญญาณบวกมากขึ้น จาก กำหนดการเดินหน้าชัดเจน หลังเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. เข้าร่วมพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 3 ก.ค.66 ส่วนวันที่ 4 ก.ค.66 จะเป็นวันประชุมสภาครั้งแรก

ส่วนความขัดแย้งแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลผ่อนคลาย อิงกระแสข่าวการตกลงตำแหน่งสำคัญระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยในส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ จะตกของเป็นพรรคก้าวไกล ส่วนตำแหน่งนายกฯ จะผลักดันคุณพิธาฯ จากพรรคก้าวไกลก่อน

ทั้งนี้ หากคุณพิธาไม่ได้เสียงส่วนใหญ่จากการโหวตโดย ส.ส. + ส.ว. พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคก้าวไกลสนับสนุนต่อ ทิศทางดังกล่าว KCS Strategist เป็นภาพสะท้อนคะแนนเสียง 2 พรรคร่วมหลักที่ใกล้เคียงกัน ทำให้การดำเนินนโยบายต่างๆ หรือกำหนดตำแหน่งต่างๆ จะไปในแนวทางพรรคใดพรรคหนึ่งเลยได้ยาก มองบวกต่อกลุ่มที่มีแรงกดดันจากความกังวลการเมืองในช่วงก่อนหน้า ยังคงมองบวกต่อหุ้น ADVANC, GULF, TRUE, THCOM

ขณะเดียวกัน บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า มองทั้ง 2 กรณีนี้ 1) กรณีที่พรรคก้าวไกลยังคงรวมกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งเป็นรัฐบาล แต่ว่าชื่อของนายกรัฐมนตรีเป็นทางฝั่ง Candidate ของพรรคเพื่อไทยแทน ในกรณีนี้ ประเมินจะเป็นปัจจัยบวกเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากอํานาจในการต่อรองของพรรคก้าวไกลที่น่าจะลดลง จนทําให้โอกาสที่จะเห็นการผลักดันนโยบายที่เป็นลบต่อตลาดหุ้นอย่างสําคัญ เช่น การทลายกลุ่มทุนผูกขาด การลดราคาพลังงาน การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่าแบบก้าวกระโดด มีโอกาสน้อยลงไปด้วยเช่นกัน

2) กรณีที่พรรคก้าวไกลไม่สามารถขึ้นมาเป็นแกนนําในการจัดตั้งรัฐบาลได้ จนทําให้โอกาสของการจัดตั้งรัฐบาลไปตกอยู่กับพรรคลําดับถัดไปอย่างเช่นพรรคเพื่อไทย ซึ่งถ้าหากพรรคเพื่อไทยตัดสนใจหันไปจับมือกับพรรคอื่นึ่ซงเป็นแกนนําในขั้วอนุรักษ์นิยมจนมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาล่าง มองว่าก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นคล้ายกับกรณีแรกเช่นกัน เพียงแต่ว่าจะมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมในกรณีนี้ ก็คือ เสถียรภาพทางการเมืองในระยะเวลา 4 ปีข้างหน้าที่น่าจะแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก ประเมินกรณีนี้ SET Index มีโอกาสปรับตัวเป็นบวกอย่างมีนัยสําคัญได้ หากเกิดขึ้นจริง จะเห็นการรีบาวด์กลับของดัชนี SET ได้ นําโดยกลุ่มหุ้นที่เคยถูกลงโทษรุนแรงจากความกังวลด้าน Policy risk ภายหลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ยกตัวอย่างเช่น

1) กลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้า เช่น GULF, BGRIM, GPSC 2) กลุ่มทุนขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมน้อยราย เช่น AOT, ADVANC, TRUE 3) กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวโยงกับพรรคการเมือง เช่น  SC, SIRI, PR9, STEC 4) กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการประมูลโครงการภาครัฐ เช่น BEM, BTS, CK, ITD และ 5) กลุ่มหุ้นที่มีสัดส่วนต้นทุนแรงงานในระดับสูง เช่น CPALL, CRC, ERW