ดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 100 จุด หลังราคาน้ำมันฟื้นตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤติราคาพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันพุธนี้อย่างใกล้ชิด หลังจากเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (14 ธ.ค.) ที่ 17,368.50 จุด พุ่งขึ้น 103.29 จุด หรือ +0.60%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,952.23 จุด เพิ่มขึ้น 18.76 จุด หรือ +0.38% และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,021.94 จุด เพิ่มขึ้น 9.57 จุด หรือ +0.48%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดตัวขึ้น หลังก่อนหน้านี้ตลาดได้ร่วงลงอย่างหนักจากความวิตกกังวลต่อราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจของโลก
การฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็ปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 2.2% ส่วนหุ้นโคโนโคฟิลิปส์พุ่งขึ้นกว่า 2.9%, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นแอปเปิล อิงค์ หลังจากที่หุ้นดังกล่าวร่วงลงในระหว่างวัน เนื่องจากมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับลดคาดการณ์ยอดขายผลิตภัณฑ์ iPhone ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นกูเกิล ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.6% ขณะที่หุ้น Amazon.com และหุ้นไมโครซอฟท์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2%
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดได้ถูกสกัดลงเนื่องจากหุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัสดุปรับตัวลง โดยหุ้นดูปองท์ และหุ้นดาว เคมิคอล ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.5% หลังจากมีรายงานว่าคณะกรรมการบริหารของบริษัทดาว เคมีคอลประกาศให้การสนับสนุนการควบกิจการกับบริษัทดูปองท์ หลังมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า นายแดเนียล โลบ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท ต้องการให้มีการปลดนายแอนดรูว์ ลิเวอริส ซึ่งเป็นประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท ออกจากตำแหน่ง
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ในวันพุธนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ โดยนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราการว่างงานลดต่ำลง และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนธ.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)