PHG ดีด 2% โบรกชี้รายได้ปี 66-67 โตเฉลี่ย 14% คงย้ำเป้าสูงสุด 30 บาท

PHG ดีด 2% โบรกเกอร์ประเมินรายได้ในปี 66-67 มีรายได้เติบโตปีละ 14% รับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ฟากบล.ดาโอ และ บล.คิงส์ฟอร์ด ยังคงเป้าสูงสุด 30 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)  หรือ PHG ล่าสุด ณ เวลา 10:43 น. อยู่ที่ระดับ 16.70 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.45% สูงสุดที่ระดับ 17.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 15.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 532.16 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้น PHG ดีดกลับหลังจากเข้าเทรดวันแรกวานนี้หลุดจอง แต่อย่างไรก็ตามหากดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทถือว่ายังคงแข็งแกร่ง โดยจากการประเมินของโบรกฯ ต่างๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินว่า PHG แนวโน้มกำไรในปี 2565-2568 (ไม่รวมกำไรเกี่ยวกับโควิด) เติบโตเฉลี่ยปีละ 21% จากการปลดล็อคอุปสงค์คงค้างของผู้ป่วยโรคไม่เร่งด่วน รวมถึงสปส.ปรับอัตราเหมาจ่ายรายปีขึ้น 10.2% ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2566 และโควต้าเพิ่ม 12.8% ตั้งแต่ปลายปี 2567 อีกทั้งยังมีการขยายความจุ OPD 24%, IPD 33%, ศูนย์ฟอกไต 114% และขยายธุรกิจใหม่เช่น ศูนย์รักษาโรคมะเร็งครบวงจร, ศูนย์เวชกรรมฟื้นฟู และศูนย์รักษาโรคทางนรีเวช

ขณะเดียวกันแนวโน้มอุตสาหกรรมเป็นบวก การเปลี่ยนแปลงในทางบวกของภูมิศาสตร์จังหวัดปทุมธานีและบริเวณใกล้เคียง โดยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีประชากรหนาแน่นและเป็นแหล่งงานที่ขยายตัวต่อเนื่อง มีสาธารณูปโภคครบครัน การเดินทางสะดวก และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทางด้านประชากรศาสตร์เป็นบวกเช่นเดียวกัน คนไทยอายุยืนยาวขึ้น และเป็นสังคมสูงวัย ทำให้เป็นโรคซับซ้อนและโรคเรื้อรังมากขึ้น การขยายตัวของสังคมเมืองและผู้มีรายได้ปานกลางเพิ่มขึ้น ส่งผลความต้องการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพมากขึ้น ประเมินมูลค่าเหมาะสม 29 บาทต่อหุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุต่อ PHG คาดว่ารายได้ปกติปี 2565-2567 จะปรับตัวดีขึ้น 9% CAGR หนุนจากผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น โดยประเมินรายได้ในปี 2566-2567 มีรายได้เติบโตปีละ 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยไม่รวมรายได้เกี่ยวกับโควิดจากผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากโรคที่ซับซ้อนทั้งคนไข้เงินสด และคนไข้โครงการภาครัฐ โดยเฉพาะคนไข้โรคหัวใจ ซึ่งทาง PHG มีรายได้โรคหัวใจจากการเข้าร่วมโครงการสปสช. อยู่ที่ 9% ของรายได้รวมปี 2565

ทั้งนี้คาดปี 2566 รายได้โรคหัวใจอยู่ที่ 10% ของรายได้รวมปี 2566 และในปี 2567 อยู่ที่ 12% ประเมินมลูค่าเหมาะสมปี 2567 อยู่ที่ 30 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุต่อ PHG คาดว่ารายได้ในปี 2565-2568 จะเติบโตเฉลี่ย 7% (CAGR) ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6% (CAGR) ซึ่งบริษัทมีปัจจัยหนุนการเติบโตหลักมาจากการสร้างอาคารผู้ป่วยและอาคารจอดรถใหม่ ซึ่งจะทำให้รองรับผู้ป่วยได้มากขึ้นจากจำนวนเตียงที่เพิ่มขึ้นจะสามารถขยายกำลังการรองรับผู้ป่วยประกันสังคมได้ต่อ ทั้งนี้ ประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 28 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ระบุต่อ PHG คาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 จะมีการฟื้นตัวขึ้นตามแนวโน้มการใช้บริการการรักษาที่ยังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ PHG จะทำรายได้ที่ระดับ 2,218 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิที่ระดับ 304 ล้านบาท เติบโต 12.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 30 บาท

Back to top button