PRM บวกแรง 6% ลุ้นกำไรปีนี้นิวไฮ 1.9 พันล้าน โต 24% โบรกเชียร์ซื้อเป้า 10 บ.
PRM บวกแรง 6% ลุ้นกำไรปีนี้นิวไฮ 1.9 พันล้าน โต 24% พ่วงฐานทุนแกร่งเงินสดในมือ 3.8 พันล้าน พร้อมลงทุนในอนาคต โบรกเชียร์ซื้อโบรกฯประสานเสียงแนะ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 9.20–10 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.ค. 66) ราคาหุ้นบริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ณ เวลา 10:53 น. อยู่ที่ระดับ 6.40 บาท บวก 0.35 บาท หรือ 5.79% สูงสุดที่ระดับ 6.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18.44 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PRM มูลค่าเหมาะสม 9.25 บาท คาดโมเมนตัมการเติบโตของกำไรจะเริ่มกลับมาในครึ่งหลังปี 2566 ซึ่งกำไรปกติจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของปีในไตรมาส 2/2566 ได้เพราะเรือส่วนใหญ่กลับมาให้บริการตามปกติ ขณะที่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะยังทรงตัวตลอดทั้งปี เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่คงที่ และอัพไซด์ของต้นทุนราคาเชื้อเพลิงจำกัด โดยคาดการณ์ถึงค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงที่ลดลง หลังช่วง 5 ไตรมาสที่ผ่านมามีเรือกว่าครึ่งกองเรือที่เข้ารับการตรวจสอบสภาพตัวเรือใต้น้ำแล้วเข้าอู่แห้งไปแล้ว จึงประมาณการกำไรสุทธิ 1,900 ล้านบาท เติบโต 24% จากปีก่อน เป็นจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่มีเงินสดในมือ 3,800 ล้านบาท ที่พร้อมลงทุนเพิ่มเติม
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PRM มูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 10 บาท ด้วยแนวโน้มการเติบโตและมูลค่าที่น่าสนใจ ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 38.30% เมื่อเทียบกับ 29.60% ในไตรมาส 1/2566 คาดรายได้และกำไรในไตรมาส 2/2566 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน หลังจากเรือที่เข้าอู่แห้ง ทั้งเรือ FSU 1 ลำ กลับเข้าให้บริการในเดือน พ.ค. และเรือนวธานีให้บริการในกลางเดือน เม.ย. รวมกับเรือขนส่งเคมี 1 ลำที่เริ่มให้บริการในเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งคาดรายได้จะกลับไปใกล้เคียงกับไตรมาส 4/2565 และคาดจะทำให้อัตราให้บริการและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น โดยยังคงประมาณการคาดกำไรหลัก 1,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63% จากปีก่อน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” PRM ราคาพื้นฐานปรับขึ้นเป็น 9.20 บาท จากกำไรที่ออกมาดีในไตรมาส 1/2566 และช่วงที่เหลือยังดี อีกทั้งเรือเข้า Dry Dock น้อยกว่าปีก่อนเหลือ 9 ลำ จาก 19 ลำ จึงปรับคาดการณ์รายได้ขึ้นเป็น 8,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.40% จากปีก่อน และปรับกำไรขึ้นจากคาดการณ์เดิมอีก 27.90% เป็น 1,921 ล้านบาท
ส่วนภาพครึ่งปีหลังโดยรวมยังคงดีเช่นเดียวกับครึ่งปีแรก โดยยังเน้นในธุรกิจขนส่งน้ำมันทั้งในและระหว่างประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนในรายได้ที่ 60% จากความต้องการใช้น้ำมันในประเทศฟื้นตัวในอนาคต บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP มีแผนการขยายกำลังการผลิต คาดจะมีการส่งออกมากขึ้นจึงมีแผนลงทุนเพิ่มเรือใหม่ 4-6 ลำ เพื่อทดแทนเรือเก่าที่มีขนาดเล็ก แต่ต้องใช้เวลาต่อราว 24 เดือน รวมถึงเรือขนส่งปิโตรเคมีลำใหม่ทำงานได้เต็มในครึ่งปีหลัง