MGC เด้งแรง 6% ส่งซิก Q2 สดใส มั่นใจยอดขายปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10%

MGC เด้งแรง 6% ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/66 โตตามแผน มั่นใจยอดขายปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมทุ่ม 150 ล้านบาท ผุดศูนย์บริการที่สุราษฎร์ หวังดันยอดขายภาคใต้ปีหน้าพุ่ง 1,000 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้าน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11ก.ค.66)ราคาหุ้นบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน)  หรือ MGC ล่าสุด ณ เวลา 11:12 น. อยู่ที่ระดับ 7.70 บาท บวก 0.45 บาท หรือ 6.21% สูงสุดที่ระดับ 8.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 25.29 ล้านบาท

โดยก่อนหน้าดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC เปิดเผยว่า บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ที่มีระบบนิเวศแบบครบวงจร โดยได้เดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจครอบคลุมพื้นที่สำคัญของภาคใต้ ด้วยกลยุทธ์ “MGC-ASIA Southern Model” ทั้งหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จังหวัดภูเก็ต  จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดกระบี่ จังหวัดพังงา และอื่น ๆ ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญต่อแผนการเติบโตขององค์กรโดยรวม ทั้งในด้านธุรกิจจำหน่ายรถใหม่ บริการหลังการขายธุรกิจ ธุรกิจรถเช่าพร้อมพนักงานขับ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจมารีน รวมถึงธุรกิจสินเชื่อและประกันภัย เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพของเศรษฐกิจภาคใต้ยังอยู่ในทิศทางขยายตัวที่ดี บวกกับปัจจัยสนับสนุนจากรัฐในโครงการ Southern Economic Corridor ที่เน้นพัฒนาประเทศและการลงทุน ฯลฯ ที่มีเป้าหมายการเป็นประตูเศรษฐกิจด้านตะวันตกของไทยสู่เอเชียใต้

ขณะที่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร มิลเลนเนียม ออโต้ สุราษฎร์ธานี อย่างเป็นทางการ หรือ “บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มิลเลนเนียม ออโต้ สุราษฎร์ธานี” สาขาที่ 3 ของภาคใต้ ใช้งบลงทุนกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นอีกศูนย์กลางเศรษฐกิจในภาคใต้ของประเทศ จากปัจจุบันที่มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร “บีเอ็มดับเบิลยู  มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มิลเลนเนียม ออโต้” ในจังหวัดภูเก็ต และ จังหวัดสงขลา

สำหรับ ”บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มิลเลนเนียม ออโต้ สุราษฎร์ธานี” เป็นโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจรแห่งที่ 4 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ การขายใหม่ “Retail Next” ของบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศเยอรมนีที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับลูกค้า พร้อมทั้งมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจภาคใต้ ยังคงขยายตัวจากปัจจัยการบริโภคของประชาชน และการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ดี โดย MGC ยังมุ่งดำเนินงานผ่านแผนยุทธศาสตร์การขยายระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องกับ MGC-ASIA Southern Model ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

ขณะที่การเปิดศูนย์บริการฯ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่งผลให้โซนภาคใต้มีศูนย์บริการครบวงจร มิลเลนเนียม ออโต้ รวม 3 แห่ง คาดว่าน่าจะผลักดันยอดขายในปี 2567 ขึ้นไปแตะระดับ 1,000 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท จากเดิมที่ให้บริการ 2 แห่ง มียอดขายอยู่ที่ระดับ 700 คัน หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม ทุกสาขายังสามารถขยายธุรกิจในเครือเข้ามาเสริมต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตต่อสาขาได้สูงขึ้น ทั้งกลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และคนขับ กลุ่มธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และบริการอื่น ๆ

ดร.สัณหวุฒิ กล่าวต่อว่า บริษัทมีโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย และบริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ลูกค้าในทุก ๆ ด้าน สะท้อนศักยภาพที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการมีโปรดักส์ไลน์ใหม่ ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ในเครือตามที่กล่าวข้างต้น ดังนั้นมั่นใจว่าในปี 2566 รายได้จากการขายและบริการจะเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 23,076.20 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจด้วยการให้ความสำคัญกับสังคม สิ่งแวดล้อม ตามหลัก ESG เพื่อสร้างการเติบโตให้กลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จึงร่วมทำความดีเพื่อสังคม จัดกิจกรรม CSR (Corporate Social Responsibility) เพื่อตอบแทนสังคม มอบเงินสนับสนุนและอุปกรณ์กีฬาให้กับ โรงเรียนบ้านเกาะพะลวย, โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา 2, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านกอเตย อ.ท่าชนะ, โรงเรียนตำรวจตะเวนชายแดน บ้านยางโพรง อ.ไชยา, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน บ้านคลองวาย อ.วิภาวดี และโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เทคนิคมีนบุรีอนุสรณ์ 1 อ.พระแสง รวมมูลค่า 200,000 บาท

ด้านนางสาวเจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ  กรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน และบัญชีกลุ่มบริษัท MGC  เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ยังดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องตามแผนงานที่วางไว้ ส่วนการจัดงาน “MGC-ASIA Mobility Expo 2023”  ที่ได้ยกทัพยานยนต์และโมบิลิตี้ระดับโลกหลากหลายแบรนด์ในเครือ อาทิ โรลส์-รอยซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, ฮอนด้า, มอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด, เรือยอร์ช อะซิมุท, เรือ คริส-คราฟท์ และสายการบิน VistaJet พร้อมแบรนด์พันธมิตร ได้แก่ แอสตัน มาร์ติน, มาเซราติ, เปอโยต์ และจี๊ป มาจัดแสดงพร้อมจำหน่ายช่วงวันที่ 14-18 มิ.ย. 2566 ที่ผ่านมา สามารถสร้างยอดขายเติบโตได้ดี

นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป บริษัทยังทยอยส่งมอบ และรับรู้รายได้จากการขายเรือแม่น้ำ คริส-คราฟท์  ราคาขายเริ่มต้นไม่ต่ำกว่า 7.2 ล้านบาทต่อลำอย่างต่อเนื่อง และยังเชื่อมั่นว่าตลอดปี 2566 จะทำยอดได้รวมไม่ต่ำกว่า 12 ลำ ตามแผนงานที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของ MGC ไม่อยากให้นักลงทุนมองเป็นรายไตรมาส แต่ควรมองเป็นภาพรวมทั้งปีมากกว่า ซึ่งมั่นใจว่าตัวเลขจะออกมาตามแผนงานอย่างแน่นอน

Back to top button