UWC คาดปี 59 กำไร-รายได้โตก้าวกระโดด-จ่อซื้อโรงไฟฟ้า 10 แห่ง
UWC คาดปี 58 กำไรพลาดเป้า หลังการเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้ามีความล่าช้า ทำให้มีรายได้เข้ามาเพียงเล็กน้อย ซึ่งรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 600-700 ลบ. ขณะที่ปี 59 คาดกำไร-รายได้โตก้าวกระโดด-อัดงบ 150-200 ลบ.ซื้อโรงไฟฟ้าอีก 10 แห่งกำลังผลิต 100 MW ตั้งเป้ากำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 188 MW ในปี 60 และสูงขึ้นไปถึง 277 MW ในปี 61
นายพีรทัศน์ ธนรัชต์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน) หรือ UWC เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปี 59 จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด พร้อมคาดว่าจะมีรายได้มากกว่า 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตจากปี 58 ถึง 345%
โดยสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจพลังงาน 60% และอีก 40% มาจากธุรกิจผลิตงาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานสายส่งในมือ(Backlog)ประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาทั้งหมดในปีหน้า
ประกอบกับ บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 138 เมกะวัตต์ จากปีนี้ที่มีกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สอีก 10 แห่ง กำลังการผลิตรวมประมาณ 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 150-200 ล้านบาทต่อแห่ง ซึ่งจะเห็นความชัดเจนทั้งหมดในปีหน้า
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากการออกหุ้นกู้มูลค่ารวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะออกและเสนอขายได้ในช่วงปลายเดือน ม.ค.59 โดยเงินลงทุนในแต่ละโครงการขึ้นกับสัดส่วนการถือหุ้น แต่บริษัทต้องการถือหุ้นในทุกโครงการต่างๆ สูงสุดทั้ง 100% และต้องการอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 20%
ส่วนในระยะยาวนั้น บริษัทตั้งเป้าที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 188 เมกะวัตต์ในปี 60 และสูงขึ้นไปถึง 277 เมกะวัตต์ ในปี 61 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานเพิ่มเป็น 80% และอีก 20% เป็นธุรกิจผลิตงาน
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในปี 58 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตพลาดเป้า เนื่องจากการเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้ามีความล่าช้าไปบ้าง ทำให้ในปีนี้มีรายได้เข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ส่วนรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 600-700 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้ 702.33 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักในปีนี้ยังมาจากธุรกิจเดิมที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายโครงเหล็กชุบสังกะสีสำหรับเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาโทรคมนาคม โครงเหล็กสถานีไฟฟ้าย่อย และให้บริการชุบสังกะสีให้แก่ลูกค้าทั่วไป รวมทั้งจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ส่งกำลัง
นอกจากนี้ การเข้าลงทุนบริษัท แอ๊ดวานซ์ ไบโอพาวเวอร์ จำกัด (ADVANCE) และบริษัท สตึก ไบโอแมส จำกัด (SATUK) ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตรวม 17.4 เมกะวัตต์ มูลค่า 923 ล้านบาท มีการเลื่อนการขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นออกไปเป็นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 3/2558 ที่กำหนดในวันที่ 25 ธ.ค. ทำให้การรับรู้รายได้เลื่อนไปเป็นปี 59 ทั้งนี้ โรงไฟฟ้า 2 แห่งจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทปีละกว่า 300 ล้านบาท