SVT ดีดบวก 3% รับผลงานครึ่งแรกแจ่ม-ลุยผุดตู้ Vending Machine ปีนี้ 1.7 หมื่นตู้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(17 ก.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)  หรือ SVT ณ เวลา 14:54 น. อยู่ที่ระดับ 2.44 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 3.39% ราคาสูงสุด 2.48 บาท ราคาต่ำสุด 2.34 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.46 ล้านบาท 

ด้านนายพิศณุ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ SVT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เป็นไปตามแผนที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ซึ่งส่งเสริมให้ยอดจำหน่ายตู้ Vending Machine ขยายไปตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2/66 ยอดขายตามพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 10%

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) คาดว่า จะมีคนไทยและชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายตู้ Vending Machine ของ SVT ได้รับอานิสงส์ไปด้วย

นอกจากนี้ ทีมงาน SVT  ยังเตรียมแผนเพิ่มตู้ Vending Machine ในพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น รถไฟฟ้าสีต่าง ๆ คอนโด สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ และยังใช้บริการได้ทุกเพศทุกวัยด้วย ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจของ SVT มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป

นายพิศณุ กล่าวว่า บริษัทฯ มีโรงงานปรับปรุงสภาพและประกอบ (Refurbishment) เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของตัวเอง ดังนั้น จึงมีแผนผลิตตู้ Vending Machine ใหม่ และได้นำตู้เดิมมาเปลี่ยนและบำรุงรักษาใหม่ได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ทุกตู้มีระบบรองรับการรับชำระเงินทั้งแบบเงินสด (Cash) และการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment) รวมถึงมีระบบการชำระเงินผ่าน E-Wallet ผ่าน Alipay และ WeChat Pay ซึ่งเป็นบริการระบบชำระเงินออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติกระจายอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ประมาณ 15,000 ตู้ แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ ตู้ประเภทเครื่องขายสินค้าและเครื่องดื่ม, ตู้ขายสินค้าเครื่องดื่มและขนม, ตู้ถ้วยแบบร้อนเย็น และตู้สำหรับขายอาหารกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายผ่านเครื่องจะเป็นสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคเป็นหลัก

“ภายในปี 66 บริษัทฯ เตรียมขยายตู้ Vending Machine ให้ได้ประมาณ 17,000 ตู้ ซึ่งจะแบ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจโลจิสติกส์ ออฟฟิศสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ทั้งนี้ ยังมีนโยบายกระจายความเสี่ยงในการขยายพื้นที่การให้บริการ เช่น ปั๊มน้ำมัน หรือสถานีรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายปี 66 ให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้” นายพิศณุ กล่าว