ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 156 จุด หลังหุ้นพลังงานดีดตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเกือบ 3% ขณะที่นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (15 ธ.ค.) ที่ 17,524.91 จุด พุ่งขึ้น 156.41 จุด หรือ +0.90%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,995.36 จุด เพิ่มขึ้น 43.13 จุด หรือ +0.87% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,043.41 จุด เพิ่มขึ้น 21.47 จุด หรือ +1.06%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.8%, หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นขานรับการคาดการณ์ที่ว่า หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะช่วยหนุนกำไรของภาคธนาคาร โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้นกว่า 3% ขณะที่หุ้นเรเจียนส์ ไฟแนนเชียล ดีดตัวขึ้น 3.6%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอิลลูมินา อิงค์ และหุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแนล ปรับตัวขึ้นกว่า 6% ขณะที่หุ้นเซลจีน คอร์ป และหุ้นไบโอเจน อิงค์ พุ่งขึ้น 2.3% และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับขึ้น 1.9% ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นนิวส์ คอร์ป และหุ้นซีบีเอส คอร์ป ที่ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 1%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในระหว่างวันนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง และหากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. เช่นเดียวกับเดือนต.ค.และก.ย.
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวลง 1 จุด สู่ระดับ 61 ในเดือนธ.ค. แต่ยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ขณะที่เฟดสาขานิวยอร์ครายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ยังคงอยู่ในภาวะหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนธ.ค. ทั้งนี้ ดัชนีขยับขึ้นสู่ระดับ -4.6 จาก -10.7 ในเดือนพ.ย. และ -11.4 ในเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาดูผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนพ.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนธ.ค.