GLOBAL ดีดบวก 3% ลุ้นผลงาน Q2 ฟื้นตัว ครึ่งปีหลังยอดขาย-กำไรแจ่ม
GLOBAL ดีดบวก 3% ลุ้นผลงานไตรมาส 2/66 ฟื้นตัว ครึ่งปีหลังยอดขาย-กำไรแจ่ม โบรกเคาะเป้า 19.10 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 ก.ค. 66) ราคาหุ้น บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ณ เวลา 10:26 น. อยู่ที่ระดับ 16.60 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 2.47% สูงสุดที่ระดับ 16.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 16.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 111.88 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้แนะนำ “ถือ” หุ้น GLOBAL ให้ราคาเป้าหมาย 19.10 บาทต่อหุ้น หลังประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 อัตราเติบโตเฉลี่ยของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2566 ยังคงติดลบในตัวเลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูงแต่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากติดลบ 8.7% ในไตรมาส 1/2566
ทั้งนี้วันหยุดยาวหลายวันในช่วงไตรมาส 2/2566 ทำให้กิจกรรมการก่อสร้างน้อยลง ประกอบกับกำลังซื้อที่อ่อนแอ และการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน หลังจากเปิดประเทศอีกครั้ง ซึ่งเชื่อว่ายอดขายสาขาเดิมในจะกลับมาเป็นบวกในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 จากผลกระทบของฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ส่วนการขยายสาขาใหม่จำนวน 7 แห่งในปีนี้ยังเป็นไปตามแผน หลังครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 2 แห่ง แบ่งเป็น เดือน มี.ค. 2566 สาขาพิจิตร และเดือน มิ.ย. 2566 สาขาระนอง ส่วนสาขาที่เหลือจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่บริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงร้านค้าทั้งหมด 10 สาขาในปีนี้ และตั้งเป้าจะปรับปรุงทุกสาขาให้เป็นรูปแบบใหม่ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งยืนยันแผนการขยายการลงทุนในต่างประเทศในปีนี้ได้แก่เปิดสาขาใหม่ในการบูชาและลาวประเทศละ 1 แห่ง ส่วนในเมียนมาและอินโดนีเซียประเทศละ 2 แห่ง และสาขาแรกในฟิลิปปินส์มีกำหนดเปิดในไตรมาส 1/2567 รวมทั้งมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของยอดขายโดยรวมในตลาดต่างประเทศยกเว้นในลาวที่ได้รับผลกระทบจากเงินกีบลาวที่อ่อนค่าลง
สำหรับภาพรวมปี 2566 บริษัทปรับเป้าการเติบโตของยอดขายเป็นทรงตัว และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ช่วง 25-26% จากอัตรากำไรที่จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้นหดตัว ตามราคาเหล็กที่ลดลง เป็นไปตามแรงหนุนค่าระวางเรือที่ลดลง และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีน ส่งผลให้ต้นทุนสินค้านำเข้าลดลง
นอกจากนี้หากอิงตามแนวทางธุรกิจเชิงอนุรักษ์นิยมที่มากขึ้นของผู้บริหารต่อการเติบโตของยอดขาย และแนวโน้มราคาเหล็กที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 19 บาทต่อกิโลกรัมเทียบกับประมาณ 25 บาทต่อกิโลกรัมโดยเฉลี่ยในปี 2565 ดังนั้นจึงปรับสมมติฐานยอดขายสาขาเดิมปี 2566 เป็นติดลบ 3% จากทรงตัวก่อนหน้านี้และปรับประมาณการยอดขายปี 2566-2568 ลง 3.3%-4.5% และประเมินกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 3,341 ล้านบาท จากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 3,487 ล้านบาท ปี 2567 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,705 ล้านบาท และปี 2568 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,001 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(26 ก.ค.66) ว่า ไตรมาส 2/66: หุ้นหลักที่รายงานกำไรวานนี้ กลุ่มที่ดีกว่าคาด คือ SCGP (ลดลง 25% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ โต 22% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) กลุ่มที่เป็นไปตามคาด คือ HMPRO (โต 7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) สัปดาห์นี้ ยังเหลือที่จะรายงานหลักๆ คือ SCC, GLOBAL, TRUE เน้นลงทุนหุ้นผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวจุดต่ำ อาทิ SCGP, GLOBAL, TRUE