SCB ดีดบวก 3% เก็งงบ Q3 กำไรโตต่อ พ่วงปีนี้จ่ายปันผลยีลด์สูง 7.5%  

SCB ดีดบวก 3% เก็งงบ Q3/66 กำไรโตต่อ แตะ 1.08 หมื่นล้าน พ่วงปีนี้จ่ายปันผลยีลด์สูง 7.5% แนะซื้อเป้า 125 บาท พร้อมชู P/E และ PBV ยังอยู่ระดับต่ำ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(26ก.ค.66) ราคาหุ้นบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ณ เวลา 15:47 น. อยู่ที่ระดับ 110.00 บาท บวก 3.00 บาท หรือ 2.80% ราคาสูงสุด 110.50 บาท ราคาต่ำสุด 107.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.66 พันล้านบาท คาดนักลงทุนเก็งกำไรผลงานไตรมาส 3/66 โตต่อเนื่องหลังได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ออกมาด้วยกำไรสุทธิ 1.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

ล่าสุด นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งต่างออกบทวิเคราะห์พร้อมกับแนะนำ “ซื้อ” SCB โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ได้คาดกำไร SCB ไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท เติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) จากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ที่ขยายตัว แต่จะปรับลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า(QoQ) จากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง

นอกจากนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้คงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.30 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดสินเชื่อเติบโต 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หนุนโดยสินเชื่อรายย่อย และคาด NIM ปี 2566 ที่ 3.56% เพิ่มขึ้น 0.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ PER ปี 2566 ของ SCB อยู่ที่ 8.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และคาดการณ์ EPS CAGR ปี 2566-2568 อยู่ที่ 11.1% ส่วน PBV ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 0.8 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีอยู่ 1.0 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) รวมถึงคาดผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 5.4% ในปี 2566 ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 125 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ระบุเช่นกันว่า SCBงวดกำไรไตรมาส 2/2566 มี ROE ที่สูงถึง 10% เป็น นครั้งแรกนับแต่การระบาดของโควิด-19 โดยครึ่งปีแรกมี ROE เท่ากับ 9.9%

ทั้งนี้ SCB ตั้งเป้า Long term ของ ROE ช่วง 3-5 ปีข้างหน้าที่ 13-15% โดยการเพิ่มจะมาจากทั้งตัวเศษคือการเพิ่ม Return และการลดตัวส่วนคือ Equity โดยการจ่ายปันผลสูง เช่น ปี 2565 SCB จ่ายปันผลราว 60% ของกำไรสุทธิ และปี 2566 และปีต่อๆ ไป จึงมีโอกาสจ่ายปันผลมากกว่า 60% ด้วย ซึ่งคาดว่า SCB จะจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการงวดปี 66 ที่ประมาณ 8.11 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 60% ของกำไรสุทธิ คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงถึง 7.5% ถือเป็นแบงก์ที่มีอัตราเงินปันผลที่จูงใจมากหรือมียีลด์ใกล้เคียงกับ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชี่ยลกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ TISCO

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ภาพรวมกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของ SCB ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 55% ของประมาณการกำไรปี 2566 ของฝ่ายวิจัยฯ และ 52% ของ Bloomberg consensus มองว่ายังสอดคล้อง จึงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสมมติฐานรายได้รวมทั้งปีของฝ่ายวิจัยฯ ที่ทำไว้อย่างอนุรักษนิยมเติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เป้าหมาย SCB เติบโตเกิน 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ OPEX งวดครึ่งปีแรกที่ 3.4 หมื่นล้านบาท (เติบโต 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) เทียบกับสมมติฐานฝ่ายวิจัยฯ ที่ 7.4 หมื่นล้านบาท (เติบโต 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บนฐานปีก่อนมีค่าใช้จ่าย One-time ในการปรับโครงสร้างองค์กร 2 – 2.5 พันล้านบาท) สามารถรองรับ OPEX ช่วงครึ่งปีหลังได้เฉลี่ยราว 2 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาสประเมินสะท้อนค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายธุรกิจในกลุ่ม Gen 2 และ Gen 3 ตามแผนของบริษัทรวมทั้ง OPEX ที่ปกติเร่งตัวงวดไตรมาส 4 ตามฤดูกาลแล้ว จึงคงแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน (OUTPERFORM) จากพัฒนาการของ Coverage Ratio รวมถึง ROE ราว 10% สูงเป็นอันดับต้นๆ ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่

ขณะที่ราคาหุ้นนับจากต้นปี 2566 ปรับขึ้นช้ากว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อื่นๆ และราคาหุ้นซื้อขายบน PBV / PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต พร้อมคาดดิวิเดนส์ยีลด์มากกว่า 6% ต่อปี

Back to top button